จับตา 10 เทรนด์ เทคโนโลยี มาแรงสุดๆ
|
|||
แหล่งที่มา : www.thaiquote.org | วันที่โพสต์ : 25 ก.ย. 2562 | ||
จับตา 10 เทรนด์ เทคโนโลยี มาแรงสุดๆ | |||
โลกก้าวเร็วขึ้นทุกวัน และมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นแทบจะตลอดเวลา จนบางทีก็รู้สึกว่าเดินตามโลกไม่ค่อยทัน ช่วยสรุปมาเลยได้ไหมว่า เทคโนโลยีอะไรบ้างที่เราควรรู้จัก อันไหนที่จะเปลี่ยนโลก หรือสิ่งไหนที่มีผลกระทบต่อชีวิตของเรา World Economic Forum จึงได้รายงานการจัดอันดับ เกี่ยวกับ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่เกิดขึ้นในปี 2019 และกำลังจะมามีบทบาทสำคัญในโลกยุคดิจิทัล ดังนี้ 1. ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage Systems) คือเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงมาก ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้และอนาคต โดยกระทรวงพลังงาน มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนพลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งหนึ่งในปัญหาของพลังงานหมุนเวียนคือการจัดเก็บพลังงาน เมื่อแหล่งพลังงานดังกล่าวผลิตไฟฟ้าได้ ก็จะถูกกักเก็บไว้ในระบบกักเก็บพลังงาน เมื่อพลังงานทดแทนผลิตไฟไม่ได้ ก็จะนำพลังงานจากระบบกักเก็บพลังงานออกมาใช้แทน และในอีกทศวรรษต่อจากนี้ จะมีการลงทุนเพื่อพัฒนาแบตเตอรี่เพิ่มมากขึ้น 2. พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics for a Circular Economy) ปัจจุบันมีพลาสติกน้อยกว่า 15% เท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล ส่วนที่เหลือจะถูกเผาทิ้งหรือฝังกลบโดยไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่ต่อไปนี้จะมีการผลิตพลาสติกชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ โดยใช้เซลลูโลสหรือลิกนินจากของเสียจากพืชซึ่งเพิ่มความแข็งแรงของวัสดุโดยพลาสติกชีวภาพ และสามารถใช้เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารได้อย่างปลอดภัยด้วย 3. เพื่อนหุ่นยนต์ (Social Robot) ทุกวันนี้หุ่นยนต์ มีพัฒนาการล้ำไปมาก สามารถจดจำเสียง ใบหน้า อารมณ์ ท่าทางของเราได้ดีมากขึ้น โดยสิ่งนี้กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ช่วยงานเรา ของเรา คอยช่วยเราดูแลผู้สูงอายุ สอนหนังสือเด็กและยังสามารถเป็นเพื่อนของเราในยามที่เหงาได้อีกด้วย 4. เมทัลเลนส์ (Metalenses) ปกติการทำเลนส์ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือเพื่อใช้ในอุปกรณ์อื่นๆ โดยจะใช้วิธีตัดกระจกเพื่อให้ได้เลนส์ตามที่ต้องการ แต่ตอนนี้ความก้าวหน้าด้านฟิสิกส์ ได้มีการคิดค้นเลนส์ชนิดใหม่ขึ้นชื่อว่า “ Metalenses” ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า บางกว่า และแบนราบมากกว่า โดยเจ้าตัวเลนส์นี้จะสามารถพัฒนาไปใช้ในอุปกรณ์ขนาดเล็กต่างๆ เช่น อุปกรณ์ที่ช่วยในการมองเห็นในการแพทย์ หรืออุปกรณ์เซ็นเซอร์ชนิดต่างๆ มากขึ้น 5. การยับยั้งโปรตีนผิดปกติ (Disordered Proteins as Drug Targets) โรคร้ายต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็ง ที่เกิดจากโปรตีนที่เรียกว่า Intrinsically Disordered Proteins ( IDPs) ซึ่งโปรตีนชนิดนี้ไม่เหมือนโปรตีนปกติตรงที่ไม่มีโครงสร้างที่ชัดเจน ทำให้มันสามารถเปลี่ยนรูปได้ ณ ตอนนี้สามารถยับยั้งรักษาการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบของโปรตีนดังกล่าว ซึ่งเป็นสาเหตุการเป็นโรคมะเร็งได้แล้ว 6. ปุ๋ยอัจฉริยะ มิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Smarter Fertilizers) โดยระบบนี้มีความสามารถในการปล่อยสารอาหารอย่างช้าๆ เมื่อต้องการ หรือตามความเหมาะสมที่ช่วยในการเจริญเติบโตของพืชที่จะได้รับ โดยได้ปรับการใช้ปุ๋ยรุ่นใหม่เป็นไนโตรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และดูดซับสารอาหารได้ดีมากขึ้น 7. การทำงานร่วมกันทางไกลเสมือนจริง (Collaborative Telepresence) การประชุมทางวิดีโอที่คุณไม่เพียงรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องเดียวกับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ คุณยังสามารถสัมผัสได้ถึงการสัมผัสกัน โดยเทคโนโลยีเป็นการการผสมผสานของ Augmented Reality (AR), Virtual Reality (VR) เครือข่าย 5G และเซ็นเซอร์ขั้นสูง 8. บล็อกเชนติดตามและบรรจุภัณฑ์อาหาร(Advanced Food Tracking and packaging) ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีของการตามหา หรือการติดตามนั้น มีความก้าวหน้าอย่างมาก สามารถค้นหาได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ด้วยการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการติดตามกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นผลิตอาหารจนถึงมือผู้บริโภค พร้อมช่วยตรวจสอบได้ทันทีอย่างละเอียด เมื่อก่อนอาจจะต้องใช้เวลาหลายวันหรือสัปดาห์ แต่ตอนนี้กระบวนการนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่นาที ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการติดตามกระบวนการขนส่งอาหาร นอกจากนี้ เซ็นเซอร์ในกล่องอาหาร ยังช่วยระบุวันหมดอายุได้แม่นยำมากขึ้น ทำให้ช่วยลดของเสียจากกระบวนการผลิตอาหารได้อีกด้วย 9. เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ปลอดภัยมากขึ้น (Safer Nuclear Reactors) เป็นเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความปลอดภัยขั้นสูง โดยเข้ามาควบคุมเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุม ลดอุณหภูมิความร้อนของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และจะไม่สร้างแก๊สไฮโดรเจนมาทำร้ายผู้คนในเขตพื้นนั้นอีกต่อไป ทำให้นิวเคลียร์เป็นพลังงานที่ปลอดภัยมากขึ้น 10. ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ DNA (DNA Data Storage) ในปัจจุบัน ระบบจัดเก็บข้อมูลของเราใช้พลังงานจำนวนมาก และไม่สามารถรักษาปริมาณข้อมูลมหาศาลอย่างทุกวันนี้ ถ้าเรายังใช้วิธีเก็บแบบเดิมอยู่ เรามีแนวโน้มที่จะไม่มีที่เก็บข้อมูลเพียงพอ ซึ่งการจัดเก็บข้อมูลแบบ DNA เป็นทางเลือกพลังงานต่ำเมื่อเทียบกับใช้คอมพิวเตอร์ รวมถึงมีความสามารถในการจัดเก็บสูงกว่ามากฮาร์ดไดรฟ์คอมพิวเตอร์ที่มีความจุสูง รวมถึงมีความสามารถในการจัดเก็บสูงกว่ามาก มีการประมาณกันว่าลูกบาศก์ DNA ขนาดหนึ่งตารางเมตร จะสามารถเก็บข้อมูลทั้งหมดที่มีบนโลกในระยะเวลาหนึ่งปีไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ จะเข้ามามีบทบาทอย่างมหาศาลในปัจจุบันและอนาคต นักพัฒนา ผู้กำหนดนโยบายและเอกชนกำลังหันมาให้ความสำคัญกับ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น ท่ามกลางการพัฒนาอย่างรวดเร็วในหลายแรที่ผ่านมา |