สรรพสามิตดีเดย์เก็บภาษีคาร์บอนมอเตอร์ไซค์1ม.ค.63

 
แหล่งที่มา : www.bangkokbiznews.com วันที่โพสต์ :  8 พ.ค. 2562
       
สรรพสามิตดีเดย์เก็บภาษีคาร์บอนมอเตอร์ไซค์ 1 ม.ค.63

สรรพสามิตออกมาตรการภาษีลดฝุ่น PM 2.5 และมลพิษต่างๆโดยจัดเก็บจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯของรถจักรยานยนต์ และขยายเวลาบังคับใช้ภาษียาสูบตามมูลค่าออกไปอีก 1 ปี หวังให้อุตสาหกรรมปรับตัว พร้อมปรับขึ้นภาษียาเส้น เพื่อลดช่องว่างของราคาขายปลีกกับบุหรี่ซิกาแรต


นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า มาตรการภาษีเพื่อลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 และมลพิษต่าง ๆ ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศระยะที่ 2 โดยจัดเก็บจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถจักรยานยนต์นั้น กรมฯได้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์ จากการจัดเก็บภาษีตามความจุของกระบอกสูบ เป็นการจัดเก็บภาษีตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการจัดเก็บภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกัน ยังสนับสนุนขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมในประเทศที่คำนึงถึงประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน และสนับสนุนทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานในอนาคต ประกอบกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจากการเผาไหม้ที่สมบูรณ์จะส่งผลให้ลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 และปัญหามลพิษต่างๆ ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศได้


โดยกำหนดให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 เนื่องจากในปี 2562 รถจักรยานยนต์ต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานมลพิษตาม มอก. ซึ่งเป็นมาตรฐานบังคับ ซึ่งเทียบเท่ากับมาตรฐาน Euro 4 ของสหประชาชาติ (UN) จึงเห็นควรให้กลุ่มอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ มีระยะเวลาในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ รวมทั้ง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมของระบบ Eco Sticker ไปพร้อมกัน ทั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ จึงเห็นควรให้รถจักรยานยนต์ที่ได้รับการลดอัตราภาษีต้องปฏิบัติตามมาตรฐานยางรถจักรยานยนต์ มอก. 2720 – 2558 หรือ UN R 75


ด้านการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบนั้น เนื่องจาก การปรับอัตราภาษียาสูบตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 เมื่อเดือนตุลาคม 2560 ส่งผลให้ราคาขายปลีกบุหรี่ซิกาแรตสูงขึ้น ทำให้การบริโภคลดลง ขณะที่ การบริโภคยาเส้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการบริโภคที่ลดลงดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบอุตสาหกรรม ทั้งผู้ผลิตในประเทศและผู้นำเข้า ตลอดจนเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ


อีกทั้ง ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคยาเส้นที่มีการบริโภคเพิ่มขึ้น เนื่องจากยาเส้นดังกล่าวนำไปทำเป็นบุหรี่มวนเองซึ่งไม่มีก้นกรอง ทำให้ผู้บริโภครับสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น จึงเห็นควรให้มีการขยายเวลาในการบังคับใช้อัตราภาษีตามมูลค่า 20%และ 40% ออกไป เพื่อให้อุตสาหกรรมมีระยะเวลาในการปรับตัวอีกหนึ่งปี เพื่อการปรับตัวและการพัฒนาในด้านต่าง ๆ อาทิ การหาพืชทดแทน การหาช่องทางการตลาดที่เหมาะสมเพื่อการผลิตและส่งออก เป็นต้น


นอกจากการบริโภคบุหรี่ซิกาแรตที่ลดลงแล้ว ยังเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยหันมาบริโภคยาเส้นแทน (Switching Effect) ทั้งนี้ เนื่องจากมีราคาขายปลีกต่ำกว่ามาก ซึ่งการบริโภคทั้งบุหรี่ซิกาแรตและยาเส้นล้วนส่งผลต่อสุขภาพ และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชาชนเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงควรปรับอัตราภาษีตามปริมาณให้สะท้อนหลักสุขภาพในอัตราภาษีที่ใกล้เคียงกัน โดยปรับขึ้นอัตราภาษียาเส้นตามปริมาณเป็น 0.10 บาท/กรัม เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว และลดช่องว่างของราคาขายปลีกบุหรี่ซิกาแรตและราคายาเส้นให้มีความใกล้เคียงกันมากขึ้นจากเดิมประมาณกว่า 300 เท่า เหลือประมาณ 17 เท่า
Visitors: 634,629