2020 เทสล่าคือรถไร้คนขับสมบูรณ์แบบ
|
|||
แหล่งที่มา : www.facebook.com/ธุรกิจ4.0 |
วันที่โพสต์ : 24 ก.พ. 2562 | ||
2020 เทสล่าคือรถไร้คนขับสมบูรณ์แบบ | |||
นับตั้งแต่เทสล่าสร้างรถอีวีและเริ่มพัฒนาระบบรถไร้คนขับ ก็มีนักวิเคราะห์มาทำนายอนาคตโลกยานยนต์ไว้มากมายว่า ต่อไปจะมีแต่รถไฟฟ้า คนจะเลิกใช้รถเติมน้ำมัน เมื่อระบบรถไร้คนขับทำงานได้สมบูรณ์แบบ คนส่วนใหญ่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นเจ้าของรถยนต์ เมื่อวันอังคารที่ 19-02-2019 อีลอน มัสต์ ให้สัมภาษณ์ว่า รถเทสล่าซึ่งเป็นรถอีวีที่ใช้ไฟฟ้า 100% จะเริ่มทำงานเป็นรถไร้คนขับที่สมบูรณ์แบบภายในสิ้นปี 2019 ภายในปีสิ้นปี 2020 ผู้ใช้รถเทสล่าสามารถงีบหลับในที่นั่งคนขับขณะที่มันจะพาผู้โดยสารทุกคนจากที่จอดรถไปจุดหมายไหนก็ได้ที่ต้องการ รถเทสล่าจะขับด้วยตัวเองมาหาเจ้าของรถบริเวณที่จอดรถ และพาไปจุดหมายทุกที่โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้คนเข้ามาแทรกแซงการทำงานอะไรกับรถ บริษัทดังอื่นๆที่มีข่าวว่ากำลังพัฒนาระบบรถไร้คนขับในปัจจุบัน คือ Waymo, GM, Uber, Apple, Toyota, BMW, Nissan, Ford, Honda, Audi, Baidu, Volvo, Daimler and Mercedes Benz, Bosch, PSA Group, Faraday Future, LeEco ถ้ารถไร้คนขับมันไม่ใช่อนาคต คงไม่มีบริษัทใหญ่มากมายขนาดนี้เข้ามาในตลาดนี้ นักวิทยาศาสตร์และนักคอมพิวเตอร์ที่เป็นสุดยอดทางด้าน AI ของโลก ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะทำงานกับเทคโนโลยีรถไร้คนขับ เพราะมีผลตอบแทนสูงและอนาคตดีมากๆ เทสล่าและเวย์โม่ มีเทคโนโลยีรถไร้คนขับที่ก้าวหน้ากว่าใครๆ และคงเป็นสองค่ายนี้ที่จะเป็นคู่แข่งสำคัญระหว่างกันในอนาคต รถไร้คนขับเป็นรถอีวีและมีการเปรียบเปรยว่าเป็นคอมพิวเตอร์ติดล้อและจำเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการของตัวเอง ยังไม่รู้แน่ชัดว่าระบบปฏิบัติการของเทสล่าหรือเวย์โมใครจะได้รับความนิยมในวงกว้างมากกว่ากัน เวย์โม่จะต่างกับเทสล่าตรงที่ไม่ได้เป็นผู้ผลิตรถยนต์เอง แต่มีระบบรถออโตโนมัสที่พร้อมให้ทุกค่ายที่สนใจเอาไปใช้งานได้ เวย์โม่กำลังทดสอบบริการแท็กซี่ไร้คนขับในอริโซน่า และคงเริ่มให้บริการแบบเต็มรูปแบบได้ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ต้นทุนแบตเตอรี่ที่ต่ำลงอย่างต่อเนื่องทำให้ BEV ซึ่งหมายถึงรถที่ใช้ไฟฟ้า 100% มีต้นทุนการผลิตไม่ต่างจากรถใช้น้ำมันแบบเก่า มีการประเมินจากนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า ในปัจจุบันได้เข้าถึงจุดสูงสุดของความต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ในหลายประเทศแล้ว ผู้คนเริ่มไม่ต้องการซื้อรถ เพราะใช้บริการเรียกรถที่ทำผ่านแอปอย่าง Uber, Lyft, Grab, Didi ได้ง่ายมาก บริการเรียกรถผ่านแอปมีความสะดวกมาก อยู่ที่ไหนรถก็สามารถใช้บริการได้ และในอนาคต รถเหล่านี้จะกลายเป็นรถไร้คนขับทั้งหมด วันนี้มีศัพท์เฉพาะเรียกว่า Robotaxi เป็นแท็กซี่ไร้คนขับซึ่งจะมีราคาค่าบริการต่ำลงอย่างมาก มีการประเมินว่าต้นทุนของการใช้บริการแท็กซี่หุ่นยนต์จะต่ำกว่าการใช้รถส่วนตัวที่ต้องขับเองประมาณ 10 เท่า และมันจะกลายเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ เหล่าโรงงานผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกก็คาดการณ์ไว้แล้วเหมือนกันว่า อนาคตยอดขายรถยนต์จะต้องลดลง และได้เตรียมการหาทางปรับตัวแล้วเช่นกัน เริ่มจากปรับตัวหันไปผลิตรถอีวีและเริ่มพัฒนาระบบรถไร้คนขับ ถ้าไม่ได้พัฒนาระบบเองอาจไปใช้บริการจากบริษัทเทคฯที่โดดเข้ามาในสนามนี้ก็ได้ มีแนวโน้มว่าคงเลือกไปใช้ระบบของ Waymo กันมาก ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ Google ผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งหันไปร่วมลงทุนกับบริษัทแท็กซี่เรียกรถผ่านแอป ยักษ์ใหญ่รถยนต์บางแห่งก็ตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเอง และในอนาคตก็จะกลายเป็น Robotaxi ทั้งหมด ข่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 22-02-2019 รายงานว่า BMW และ Mercedes-Benz ได้ร่วมทุนกันเป็นเงิน 1,100 ล้านดอลลาร์ เพื่อก่อตั้งบริษัทใหม่ในเยอรมัน เป็นบริการเรียกรถผ่านแอปแบบเดียวกับ Uber และ Lyft ซึ่งวันนี้มีตลาดใหญ่มากในเยอรมัน บริษัทรถยนต์แห่งไหนปรับตัวได้เร็วกว่าก็มีโอกาสอยู่รอดได้นานกว่า ทิศทางอนาคตมันชัดเจนมาก ถ้าใครยังอยากอยู่ในคอมฟอร์ตโซนนานๆ อนาคตจะไม่มีที่ให้อยู่อย่างแน่นอน..... https://www.wired.com/story/elon-musk-tesla-full-self-driving-2019-2020-promise/ https://www.engadget.com/2019/02/05/waymo-renault-nissan-partnership-leak/ https://www.roboticstomorrow.com/article/2018/03/top-article-for-2018-here-are-all-the-companies-testing-autonomous-cars-in-2018/11592 https://www.foxbusiness.com/industrials/bmw-mercedes-benz-take-on-uber-lyft-with-new-1-1-billion-investment |