'การท่าเรือฯ' ยันสรรหา ผอ. โปร่งใส 'กมลศักดิ์' แจงปมดราม่าหลังถูกเสนอชื่อ

 
แหล่งที่มา : www.thebangkokinsight.com วันที่โพสต์ :  7 ธ.ค. 2561
       
'การท่าเรือฯ' ยันสรรหา ผอ. โปร่งใส 'กมลศักดิ์'
แจงปมดราม่าหลังถูกเสนอชื่อ

จากกรณีที่มีข้อครหาว่า การสรรหาผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) คนใหม่ ที่มีการเสนอชื่อเรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร รองผู้อำนวยการสายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ การท่าเรือฯ ว่าไม่มีความโปร่งใสนั้น

การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ส่งหนังสือชี้แจงว่า การสรรหาผู้อำนวยการการท่าเรือฯ ในครั้งนี้เป็นไปตามกรอบขั้นตอนและหลักเกณฑ์เดียวกับการสรรหาที่ผ่านมา

คณะกรรมการสรรหาฯ ได้ร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์และประเมินผู้เข้ารับ การสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ไว้เป็นมาตรฐานสำหรับใช้เป็นเครื่องมือพิจารณาให้คะแนนผู้เข้ารับการสัมภาษณ์ และแสดงวิสัยทัศน์ แต่มีกรรมการท่านหนึ่งติดภารกิจสำคัญเร่งด่วน ไม่สามารถอยู่รับฟัง การแสดงวิสัยทัศน์ได้ครบทุกคน จึงไม่มีสิทธิในการให้สรุปคะแนนประเมินผลการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์

สำหรับการเสนอเรื่องให้คณะกรรมการการท่าเรือฯ นั้น เป็นไปตามขั้นตอนและแนวทางการสรรหาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ เมื่อกรรมการสรรหาฯ ได้พิจารณาผู้ที่มี ความเหมาะสมแล้ว ให้เสนอต่อผู้มีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจนั้น

สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนดกล่าวคือ เมื่อสรรหาผู้บริหารสูงสุดแล้ว ให้คณะกรรมการสรรหาฯ เสนอชื่อต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) รัฐวิสาหกิจ เพื่อให้พิจารณาเสนอชื่อให้อนุกรรมการพิจารณากำหนดค่าตอบแทนพิจารณาดำเนินการต่อไป

ดังนั้นคณะกรรมการสรรหาฯ จึงได้เสนอผลการดำเนินการให้บอร์ดพิจารณาตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ปัจจุบันกระบวนการในการสรรหาฯ ผู้อำนวยการการท่าเรือฯ ของคณะกรรมการสรรหาฯ ตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ดำเนินการเสร็จสิ้นและเสนอผลการสรรหาต่อบอร์ด แล้ว

ในส่วนของกระบวนการพิจารณาแต่งตั้งอยู่ในขั้นตอนการเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเสนอผู้มีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งตามที่พระราชบัญญัติการท่าเรือฯ พ.ศ. 2494 กำหนดไว้

เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร รองผู้อำนวยการสายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ การท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสรรหาผู้อำนวยการการท่าเรือฯ คนใหม่ ถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา และบอร์ด กทท. ที่จะเป็นผู้พิจารณา

ส่วนการร้องเรียนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ตนยืนยันว่าสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น โดยเฉพาะเรื่องของคุณสมบัติในการทำงาน เพราะที่ผ่านมาตนมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการแผนพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ที่ตนเป็นผู้เสนอให้มีการขุดลอกหน้าท่าลึกถึง 18 เมตร เพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่ สร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน

นอกจากนี้ ในประเด็นของการโจมตีเรื่องที่สามีภรรยาอยู่ในหน่วยงานเดียวกัน เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น เรื่องดังกล่าวผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลเคยชี้แจงแล้วว่ามีข้อบังคับและกฎหมายว่าด้วยการดำรงตำแหน่งเครือญาติและคู่สมรสว่า ตาม พ.ร.บ.การท่าเรือฯ 2594 กำหนดว่าผู้อำนวยการการท่าเรือฯ มีอำนาจบัญชาการทุกตำแหน่ง ให้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนพนักงานตำแหน่งที่ต่ำกว่า ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญและผู้อำนวยการฝ่ายในระดับ 14 ลงมา และการแต่งตั้ง ถอดถอน ไม่มีข้อห้ามการแต่งตั้งบุคคลที่เป็นเครือญาติหรือคู่สมรสเป็นพนักงาน


ตามหลักการจึงสรุปได้ว่าไม่มีข้อบัญญัติหลักการห้ามไม่ให้คนในเครือญาติหรือคู่สมรสเป็นพนักงานในองค์กรของรัฐแห่งเดียวกันและสอดคล้องกับหลักสากลและหลักธรรมชาติ ที่องค์กรของรัฐไม่อาจกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อเลือกปฏิบัติต่อบุคคล เพราะความเป็นสายเลือดถึงการเป็นคู่สมรสได้ ที่สำคัญหลักการดังกล่าวไม่รับความคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ม.30 อีกด้วย


เรือโทกมลศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่งรองผู้อำนวยการ สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ การท่าเรือฯ ในเดือนตุลาคม 2557 ได้พัฒนาการบริหารจัดการสินทรัพย์ โดยปรับปรุงการดำเนินการคำนวณค่าเช่าและขึ้นค่าเช่า นำประโยชน์ให้ภาครัฐ สร้างรายได้นำส่งรัฐเพิ่มขึ้น เทียบจากปีที่เข้ารับตำแหน่ง 2557 สามารถสร้างรายได้ค่าเช่าที่ดินและค่าเช่าอาคาร เดิมประมาณการไว้ 234 ล้านบาท เพิ่มเป็น 364 ล้านบาท และรวมรายได้ดังกล่าว นับตั้งแต่ปี 2557 – 2561 ที่ตนเป็นผู้บริหารจัดการ เดิมประมาณการไว้ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 1.7 พันล้านบาท
 
Visitors: 626,048