เมกะเทรนด์ประเทศไทย! ธุรกิจส่งพัสดุเฟื่องฟู โตปีละกว่า 30%

-
 
แหล่งที่มา : www.facebook.com/thedialoguebytbs วันที่โพสต์ :  6 พ.ย. 2561
       
 เมกะเทรนด์ประเทศไทย! ธุรกิจส่งพัสดุเฟื่องฟู โตปีละกว่า 30%

ถ้าจะถามหาธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สวนกระแสกับคำพูดที่ใครๆ
ก็บอกว่า “ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี” 1 ในธุรกิจที่เฟื่องฟูสุดๆ สวนทางกับทุกสิ่ง
ก็คือ “ธุรกิจส่งพัสดุ”!!!

เหตุมันเริ่มมาจากการมาของโลกดิจิตอลและตลาด E-Commerce จนเกิดเป็นปรากฎการณ์มีเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการขายของออนไลน์ที่ทำเงินได้หลักแสนต่อเดือน โพสต์หราโชว์ความสำเร็จกันเต็มโซเชียลไปหมด 

เรื่องเหล่านี้แผ่อานิสงค์ไปยังอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ 
อุตสาหกรรมที่อยู่มานาน แต่เพิ่งได้แจ้งเกิดจริงจังๆ จากการขยายตัวของตลาด E-Commerce โดย Kerry Express มองว่าตลาดคอมเมิร์ซทั้ง B2B B2C และ C2C มีมูลค่ามากถึง 7-8หมื่นล้านบาทเติบโต 30 % (ข้อมูล Marketerr Online)
และอุตสาหกรรมนี้ กำลังเติบโตตามเมกะเทรนด์ที่ใหญ่กว่าอีกเรื่องหนึ่งคือ อินเตอร์เน็ต และ e-commerce

การเติบโตของรายได้แต่ละรายในปี 2560

ไปรษณีย์ไทย
ปี 2558 มีรายได้ 22,390 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้ 25,570 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้ 27,896 ล้านบาท
เติบโตเฉลี่ยปีละ 10%

Kerry Express
ปี 2558 มีรายได้ 1,519 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้ 3,228 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้ 6,673 ล้านบาท
เติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 100%

นิ่มเอ็กซ์เพรส
ปี 2558 มีรายได้ 672 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้ 758 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้ 892 ล้านบาท
เติบโตเฉลี่ยปีละ 17% 

ไปรษณีย์ไทย เคยประสบภาวะขาดทุนเมื่อหลายปีก่อน ก่อนจะแปรรูปมาเป็นรัฐวิสาหกิจและรีแบรนด์ครั้งใหญ่ 
และผลประกอบการก็ค่อยๆ ดีขึ้น 
จนปัจจุบันไปรษณีย์ไทยมีกำไร 4,212 ล้านบาทในปี 2560

เครือข่ายไปรษณีย์ในประเทศ ประกอบด้วย ที่ทำการไปรษณีย์ รวม 1,267 แห่ง แยกเป็น ศูนย์ไปรษณีย์ 19 แห่ง, ศูนย์รับฝากไปรษณีย์จำนวนมาก 6 แห่ง, ที่ทำการรับ-จ่าย 965 แห่ง, ที่ทำการรับฝาก 228 แห่ง, ที่ทำการไปรษณีย์สาขา 5 แห่ง, ที่ทำการไปรษณีย์รถยนต์ 53 แห่ง

นอกจากนี้ยังมี ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาต 3,383 แห่ง, ร้านจำหน่ายตราไปรษณียากร 2,000 แห่ง, ตู้ไปรษณีย์ 23,346 แห่ง สถานที่รับรวบรวมฯ 816 แห่ง, และมีเครือข่ายไปรษณีย์ครอบคลุม 221 ประเทศ ทั่วโลก (thaipublica)

เมื่อเทียบกันกับ Kerry ที่มีจุดบริการราวๆ 1,500 จุด (ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 2,500 จุด) และ นิ่มเอ็กซ์เพรส 200 จุด (ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 400 จุด) ก็นับว่าการเข้าถึงผู้ใช้บริการของไปรษณีย์ไทยนั้นเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่งที่คู่แข่งไม่มี ก็คือประสบการณ์ของบุรุษไปรณีย์ ที่แม่นยำสถานที่กว่า Google Maps และจำชื่อสกุลผู้รับได้ทุกบ้าน

Kerry เองก็นับว่ามีการเติบโตแบบติดจรวด เติบโตราวๆ ปีละกว่า 100% เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งที่ไล่ตามไปรษณีย์ไทยมาอย่างรวดเร็ว 

ส่วนนิ่มเอ็กซ์เพรส บริการจัดส่งพัสดุสัญชาติไทยนั้นมีจุดแข็งอยู่ที่การให้บริการที่ยืดหยุ่นกว่า หรือการขนส่งที่มีลักษณะเฉพาะ และเหมาะสำหรับ SME

และที่เหลือในตลาดกำลังแข่งขันกันดุเดือดไม่แพ้กัน ทั้ง DHL, Lalamove, Scg Express และผู้ให้บริการขนส่งในรูปแบบ Delivery ที่ขยับขยายการบริการมาเรื่อยๆ เพื่อดึงการใช้งานมาให้ได้มากที่สุด
แล้วคุณล่ะ? คิดว่าจะใช้บริการของใคร?
Visitors: 619,549