กฎหมายการแข่งขัน ฉบับใหม่ของเวียดนาม

 
แหล่งที่มา : www.thansettakij.com วันที่โพสต์ :  5 ก.ย. 2561
       
 กฎหมายการแข่งขัน ฉบับใหม่ของเวียดนาม

รู้ทันกฎหมาย เข้าใจกฎเกณฑ์ 

เมื่อเร็วๆ นี้ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ โดยศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์ ได้จัดการบรรยายพิเศษ ภายใต้หัวข้อ “รู้ทันกฎหมาย เข้าใจกฎเกณฑ์ : กฎหมายการแข่งขันฉบับใหม่ การค้าปลีก และการจัดจำหน่ายในเวียดนาม” ให้แก่ภาคเอกชนไทยในเขตกงสุล โดยเชิญวิทยากรจากบริษัทที่ปรึกษา กฎหมายระหว่างประเทศชั้นนำ คือบริษัท Baker & McKenzie เวียดนาม มาบรรยาย ให้ข้อมูลและตอบข้อซักถาม ทำให้ภาคเอกชนไทยที่ทำการค้าการลงทุนอยู่ในเวียดนาม หรือกำลังคิดจะเข้ามาทำธุรกิจ ในเวียดนามได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเตรียมความพร้อมรับสิ่งท้าทาย ระเบียบ กฎเกณฑ์ใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น


กฎหมายการแข่งขันฉบับใหม่นี้ ผ่านการเห็นชอบของสภาแห่งชาติเวียดนามไปแล้วเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561 หลังจากรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องเป็นเวลา 1 ปี และจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2562 แทนที่กฎหมายการแข่งขันฉบับปี 2547 กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้มีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ มีอำนาจดูแลประเด็นด้านการแข่งขันทางการค้า คือ คณะกรรมาธิการการแข่งขันแห่งชาติ (National Competition Commission: NCC) สังกัดกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม โดยหน่วยงานดังกล่าวจะมีอำนาจในการพิจารณาตัดสินว่า การดำเนินการของบริษัทต่างๆ เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายฉบับนี้หรือไม่


บริษัท Baker & McKenzie สรุปว่า กฎหมายการแข่งขันฉบับใหม่ของเวียดนามมีสาระสำคัญที่น่าสนใจและติดตามแนวปฏิบัติในการบังคับใช้ 5 ประเด็น ได้แก่

(1) ขอบเขตของกฎหมายที่กว้างขึ้น ครอบคลุมถึงการดำเนินการนอกเวียดนามที่ส่งผลกระทบถึงภาวะการแข่งขันในตลาดเวียดนาม (extra-territorial outreach) จากเดิมที่ครอบคลุมเฉพาะบุคคลหรือองค์กร และกิจกรรมในเวียดนามเท่านั้น

(2) วิธีการพิจารณาการกระทำที่กีดกันทางการค้า โดยเดิมใช้เพียงเกณฑ์สัดส่วน กล่าวคือพิจารณาจากการครอบครองตลาดตั้งแต่ 30% ขึ้นไป โดยเพิ่มมิติการพิจารณาจากผล
กระทบมากขึ้น จึงกำหนดให้พิจารณาผลว่าการกระทำดังกล่าวจะส่งผลกระทบหรือมีแนวโน้มที่จะขัดขวางการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ (significant anti-competitive effect) ส่งผลให้ NCC มีอำนาจในการตีความในเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่

(3) กำหนดมาตรการลดหย่อนผ่อนโทษ (leniency program) โดยบริษัทสามารถรายงานโดยสมัครใจเมื่อทราบว่ามีการดำเนินการใดๆ ที่เข้าข่ายต่อต้านการแข่งขันให้ทางการทราบ ก่อนที่จะมีการตรวจสอบ ซึ่งเป็นไปตามแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ

(4) เกณฑ์การพิจารณาการมีสถานะอำนาจเหนือตลาด (market-dominant position)  เพิ่มเติมจากการครอบครองตลาดตั้งแต่ 30% ขึ้นไป โดยเพิ่มการใช้เกณฑ์ “Significant Market Power” สำหรับการพิจารณา กล่าวคือ การพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ขีดความสามารถในการเข้าถึง/ ควบคุม การ บริโภคและการจัดจำหน่ายในตลาด ขนาด และขีดความสามารถทางการเงินของบริษัท และข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งวิทยากรได้ยกตัวอย่างกรณีการควบรวมกิจการของ บริษัท Grab และ Uber ซึ่งถือเป็นการจำกัดตลาดและผูกขาดการให้บริการในพื้นที่

(5) กำหนดให้แจ้งการดำเนินการที่ทำให้เกิดการควบรวมทางเศรษฐกิจ (Economic Concentration) ซึ่งหมายรวมถึงการควบรวมธุรกิจ (merger) การรวมสินทรัพย์เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ (consolidation) การเข้าซื้อกิจการ (acquisition) การร่วมกิจการ (joint venture) ที่มีหรืออาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ “significant anti-competitive effect” ต่อตลาด และเกินสัด ส่วนที่กำหนดไว้ (มากกว่า 30% แต่ไม่เกิน 50%) จะต้องแจ้งการกระทำดังกล่าวให้ NCC พิจารณาว่าเข้าข่ายการกระทำผิด ตามกฎหมายการแข่งขันฉบับใหม่นี้หรือไม่


ผู้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายฉบับใหม่ดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องความชัดเจนในหลักเกณฑ์การพิจารณาความผิด และวิธีคำนวณสัดส่วนการครอบครองตลาด โดยเฉพาะสำหรับบริษัทใหญ่ที่มีบริษัทลูกหลายบริษัท ซึ่งจะต้องติดตามแนวปฏิบัติหรือระเบียบของทางการเวียดนามที่จะออกมารองรับกฎหมายฉบับนี้ต่อไปในอนาคต
Visitors: 629,905