หุ้นเอเชียร่วง หวั่นเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

 
แหล่งที่มา : www.bbc.com วันที่โพสต์ :  23 มี.ค. 2561
       
หุ้นเอเชียร่วง หวั่นเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ 

ตลาดหุ้นหลายแห่งในเอเชียปรับตัวลดลง เพราะกังวลว่าแผนการตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะเป็นชนวนให้เกิดสงครามการค้าขึ้นได้

ด้านจีนออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศว่าจีนไม่ต้องการทำสงครามการค้า แต่จีนก็ "ไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว" หากต้องร่วมสงครามนี้จริง

การตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาที่สหรัฐฯ ระบุว่าจีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญา

รัฐบาลจีนระบุว่า จีนคัดค้านการตั้งกำแพงภาษีใหม่นี้อย่างเต็มที่ แต่ในเวลาเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ของจีนก็มั่นใจว่า "จีนจะรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นได้" และ "จีนจะไม่นิ่งเฉยต่อสิทธิอันชอบธรรมและผลประโยชน์ของตัวเอง เราพร้อมอย่างเต็มที่ในการปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของเรา" อย่างไรก็ดีกระทรวงพาณิชย์จีนยังหวังว่า สหรัฐฯ จะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศตกอยู่ในอันตราย ตลาดหุ้นหลายแห่งในเอเชียปรับตัวลดลง เพราะกังวลว่าแผนการตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะเป็นชนวนให้เกิดสงครามการค้าขึ้นได้

ความกังวลว่าจะเกิดสงครามการค้าขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นหลายแห่งในเอเชียปรับตัวลดลงอย่างมาก ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตของจีนปิดลดลง 3.4% ส่วนดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงปิดลดลง 2.5%

ขณะที่ตลาดหุ้นในยุโรปปรับตัวลดลงไม่รุนแรงเท่ากับในเอเชีย โดยดัชนี FTSE 100 ของสหราชอาณาจักร ในการซื้อขายช่วงเช้า ปรับตัวลดลง 1% ส่วนดัชนี Dax ของเยอรมนีปรับตัวลดลง 2% โดยหุ้นโฟล์คสวาเกนและทริสเซ่นครุปป์ (ThyssenKrupp) อยู่ในหมู่หุ้นที่ปรับตัวลดลงมากที่สุด


จีนเป็นผู้บริโภคเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเนื้อหมูรายใหญ่

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว จีนได้ประกาศข้อเสนอตั้งกำแพงภาษีของตัวเองมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากจีน ซึ่งนายทรัมป์ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ในเดือนเดียวกัน และจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์นี้ แต่จีนซึ่งเป็นผู้ส่งออกเหล็กรายใหญ่เป็นอันดับ 11 ให้แก่สหรัฐฯ ระบุว่า กำลังพิจารณามาตรการหลายอย่าง "เพื่อชดเชยการขาดทุนที่เกิดขึ้นกับผลประโยชน์ของจีน"

กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า รายการสินค้าที่จีนกำลังพิจารณาปรับขึ้นกำแพงภาษีรวมถึงเนื้อหมู ไวน์ ผลไม้ ถั่ว และท่อเหล็กกล้าไร้สนิม

จีนมีแผนตอบโต้สหรัฐฯ 2 ขั้นตอน

    > เพิ่มกำแพงภาษี 15% ในสินค้า 20 รายการ รวมมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงผลไม้สด ถั่ว และไวน์

    > เพิ่มกำแพงภาษี 25% ในสินค้า 8 รายการ รวมมูลค่าเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงเนื้อหมู และเศษอลูมิเนียม

ทำไมสหรัฐฯ ถึงตั้งกำแพงภาษี?

สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในแต่ละปี ซึ่งมากกว่าที่สหรัฐฯ ส่งออกไปยังจีน เมื่อปีที่แล้วสหรัฐฯ ขาดดุลการค้าจีนราว 3.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่นายทรัมป์เป็นอย่างยิ่ง

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาได้ขอให้จีนปรับลดตัวเลขการขาดดุลลง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ "ในทันที"

นอกจากนี้เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว นายทรัมป์ยังได้สั่งให้ตรวจสอบการดำเนินนโยบายหลายอย่างของจีน ซึ่งการประกาศตั้งกำแพงภาษีใหม่ของสหรัฐฯ สะท้อนผลที่ได้จากการตรวจสอบดังกล่าว

โดยทำเนียบขาวระบุว่า ได้ตรวจสอบพบว่า มีการปฏิบัติ "ที่ไม่เป็นธรรม" เกิดขึ้นในจีน รวมถึงข้อจำกัดเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของของชาวต่างชาติซึ่งกดดันให้บริษัทต่างประเทศต้องถ่ายโอนเทคโนโลยีให้แก่จีน

การสอบสวนยังพบหลักฐานว่า จีนได้บังคับใช้เงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมกับบริษัทหลายแห่งของสหรัฐฯ ควบคุมการลงทุนในสหรัฐฯ ในอุตสาหกรรมที่เป็นยุทธศาสตร์หลายอุตสาหกรรม และยังดำเนินการและสนับสนุนการโจมตีทางไซเบอร์ด้วย

ทำเนียบขาวระบุว่า มีบัญชีรายการสินค้ามากกว่า 1,000 รายการที่อาจจะถูกเพิ่มกำแพงภาษีสูงถึง 25% โดยธุรกิจต่าง ๆ จะมีโอกาสให้ความคิดเห็นก่อนที่บัญชีรายการสินค้าจะมีผลบังคับใช้

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังหาทางจำกัดการลงทุนของจีนในสหรัฐฯ ด้วย และจะร้องเรียนเกี่ยวกับเงื่อนไขใบอนุญาตที่ไม่เป็นธรรมไปยังองค์การการค้าโลกด้วย

ใครเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้านี้?

เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ รับรู้ถึงความเป็นไปได้ว่าจีนจะตอบโต้ แต่ระบุว่าท้ายที่สุดแล้ว จีนมีสิ่งที่ต้องสูญเสียมากกว่านี้

นักวิเคราะห์ระบุว่า ถ้ามีการบังคับใช้กำแพงภาษีตามที่ระบุ กำแพงภาษีของสหรัฐฯ จะทำให้ผู้บริโภคมีต้นทุนสูงขึ้น ขณะที่การตอบโต้ของจีนจะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนที่สำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมอวกาศ

 
จีนเป็นหนึ่งในผู้ซื้อถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดจากสหรัฐฯ
จีนเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของสหรัฐฯ ในปี 2016 และเป็นหนึ่งในผู้ซื้อข้าวโพด เนื้อหมู และเครื่องบิน รายใหญ่ที่สุดจากสหรัฐฯ

จีนยังเป็นผู้บริโภคถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดในโลก และยังนำเข้าธัญพืชราว 1 ใน 3 จากสหรัฐฯ ด้วย แต่จากข่าวที่จีนประกาศเมื่อวันศุกร์ กำแพงภาษีที่จีนตั้งไม่รวมถึงถั่วเหลือง

มีผู้สนับสนุนแผนการนี้ในสหรัฐฯ หรือไม่?

ผู้ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของนายทรัมป์ ไม่กังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการค้า โดยระบุว่า เป็นการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

แต่ก็มีผู้ที่กังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่นำโดยรัฐของจีน และมีความกังวลว่าจีนกำลังหาทางใช้เทคโนโลยีเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร

นโยบายอเมริกาต้องมาก่อนของนายทรัมป์ ยังคงได้รับความนิยมจากหลายภาคส่วนในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ผู้จับตามองการค้าในเอเชีย ระบุว่า การตอบโต้ของจีนจะพุ่งเป้าไปที่พื้นที่ที่สนับสนุนนายทรัมป์อย่างไม่ต้องสงสัย

เดบอราห์ เอลม์ส ผู้อำนวยการบริหารของศูนย์การค้าเอเชียในสิงคโปร์ กล่าวว่า "จีนจัดทำบัญชีรายการของตัวเองมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และทำได้ดีมากด้วย"

"ถ้าสิ่งต่าง ๆ แย่ลง จีนอาจทำให้บริษัทของสหรัฐฯ เผชิญกับความยุ่งยากมากขึ้นในการทำธุรกิจในจีน และนั่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
 > ทรัมป์ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอ้างเพื่อตอบโต้ความไม่เป็นธรรมทางการค้า
 > นโยบายเศรษฐกิจแบบต่อต้านเอเชียของทรัมป์ จะถูกนำมาปฏิบัติจริงหรือไม่ ?
   
ขอบคุณข่าวจาก : bbc.com
 
Visitors: 621,537