ครม.เห็นชอบ11แผนปฏิรูป สั่งทุกกระทรวงเร่งดำเนินการ

 
แหล่งที่มา : www.bangkokbiznews.com วันที่โพสต์ :  13 มี.ค. 2561
       
ครม.เห็นชอบ11แผนปฏิรูป สั่งทุกกระทรวงเร่งดำเนินการ

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.61 พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ เห็นชอบร่างแผนการปฏิรูประเทศทั้ง 11 ด้าน  ประกอบด้วย 132 ประเด็น  478 กิจกรรม และ 791 ตัวชี้วัด  มีระยะเวลาในการทำงาน 5 ปี เพื่อขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปไปสู่กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ จนนำไปสู่การออกกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ


โดยมีการปฎิรูปทั้ง 11 ด้าน ดังนี้ 


1. ด้านการเมือง จะเน้นให้ประชาชนเข้าใจหลักการประชาธิปไตย มีส่วนร่วมและยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง พรรคการเมืองมีความโปร่งใส ซื่อสัตย์ และถ้าเกิดความขัดแย้งก็จะมีวิธีเข้าไปแก้ไขด้วยแนวทางสันติ


2. ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน จะเน้นให้หน่วยราชการมีความกระทัดรัด ทันสมัย สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณืโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ ข้าราชการต้องเป็นคนที่มีคุณภาพสูง ทั้งในด้านการปฏิบัติงาน และคุณธรรมจริยธรรม สามารถตรวจสอบการทุจริตได้


3. ด้านกฎหมาย จะเน้นการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และกฎหมายจะต้องไม่เพิ่มภาระให้กับประชาชน ประชาชนและผู้บังคับใช้กฎหมายจะต้องมีความรู้ความเข้าใจกฎหมายอย่างถูกต้อง


4. ด้านกระบวนการยุติธรรม จะเน้นการแก้ไขขั้นตอนกระบวนการทั้งหลายให้มีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน จะช่วยเหลือประชาชนให้มีความเสมอภาค เช่น การตั้งกองทุนยุติธรรม กฎหมายทั้งหมายต้องเอื้ออำนวยให้ประเทศมีศักยภาพ และมีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่น

5. ด้านเศรษฐกิจ จะต้องครอบคลุมในทุกภาคส่วน จะต้องใช้นวัตกรรม เพราะจะทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต และจะต้องลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนทุกกลุ่ม


6. ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์ อะไรที่หมดสภาพจะต้องเร่งฟื้นฟูให้สมบูรณ์และยั่งยืน


7. ด้านสาธารณสุข จะเน้นการบริการด้านปฐมภูมิ เป็นการป้องกันก่อนการเจ็บป่วย ให้คำปรึกษาตั้งแต่ก่อนป่วย ทุกคนในประเทศจะต้องขุถึงการบริการอย่างเท่าเทียม


8. ด้านสื่อมวลชนเทคโนโลยีสารสนเทศ จะเน้นการสร้างดุลยภาพระหว่างเสรีภาพของสื่อมวลชนกับความรับผิดชอบของสื่อมวลชน ในการทำหน้าที่สื่อจะต้องเป็นโรงเรียนให้กับสังคมและประชาชน


9. ด้านสังคม จะเน้นให้ประเทศไทยมีหลักประกันรายได้หลังเกษียณในทุกกลุ่ม และมีหลายแนวทางให้เลือก เช่น กองทุนการออมแห่งชาติ การสร้างหลักประกันรายได้ของทุกภาคส่วนหลังเกษียณ และส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งอยู่ได้ด้วยตัวเอง


10. ด้านพลังงาน จะเน้นส่งเสริมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพลังงาน และ


11. ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ จะต้องมีมาตรการควบคุมการติดตามงานทั้งภาครัฐและเอกชน ภาครัฐจะต้องเปิดเผยข้อมูลโครงการต่างๆให้ประชาชนรับทราบ จัดทำบิ๊กดาต้า โดยการนำงบลงทุนของทุกโครงการทุกหน่วยงานให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบได้ง่าย

สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยในภาพรวม 4 ด้าน ได้แก่

1. ประเทศไทยมีฐานทรัพยากรรองรับการใช้ประโยชน์อย่างสมดุลในเชิงสังคมและเชิงเศรษฐกิจ

2. ประชาชนมีสวัสดิการของรัฐที่เหมาะสม มีโอกาสในการสร้างอาชีพและได้รับความเป็นธรรมในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรม

3. ภาคเกษตร อุตสาหกรรมบริการและการวิจัยพัฒนานวัตกรรมได้รับการยกระดับ รวมทั้งลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว และ

4. การบริหารจัดการภาครัฐมีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของประชาชน การดำเนินการตามแผนการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน จะก่อให้เกิดประโยชน์ในแต่ละระดับของสังคม คือระดับประชาชน ชุมชนและท้องถิ่น ภาคธุรกิจ ภาครัฐ และประเทศ


ทั้งนี้ ครม. ยังได้เห็นชอบความเห็นของ สศช. เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามร่างแผนปฏิรูปประเทศพิจารณาดำเนินการต่อไป โดให้เพิ่มเติมบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปให้รวมถึงการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศผ่านการสื่อสารทุกช่องทางเพื่อให้ครอบคลุมประชาชนในทุกภาคส่วนและหน่วยงานรัฐที่จะต้องนำไปปฏิบัติ รวมทั้งมีช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและทั่วถึงด้วย


รวมทั้งยังให้ สศช. เร่งดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ โดยมุ่งเน้นให้กลไกและวิธีการประเมินสามารถประเมินผลได้อย่างเป็นรูปธรรมและไม่เป็นภาระของหน่วยงานมากจนเกินไป และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางและหลักเกณฑ์เพื่อถือปฏิบัติต่อไป

   
ขอบคุณข่าวจาก : bangkokbiznews.com
 
Visitors: 620,796