สาธารณรัฐประชาชนจีน
สาธารณรัฐประชาชนจีนเริ่มมีการดำเนินการด้านฉลากคาร์บอนฟุตพรินท์เช่นกัน
โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ The China
Energy Conservation Coorperation (CECIC) ซึ่งทำงานร่วมกันกับองค์กร
Carbon Trust ของประเทศอังกฤษ โดยมุ่งเป้าหมายในการวิเคราะห์ค่าคาร์บอนฟุตพรินท์ของผลิตภัณฑ์ในธุรกิจด้านการส่งออก
ปัจจุบันยังไม่มีรูปแบบของฉลากคาร์บอนฟุตพรินท์ของประเทศจีนเพราะอยู่ในช่วงดำเนินการ
สำหรับมาตรการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนนั้น
จีนได้ออกกฎหมาย Renewable Energy Law 2005 (REL) เพื่อสนับสนุนและพัฒนาพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้การผลิตพลังงานหมุนเวียนในประเทศจีนได้ขยายตัวขึ้นอย่างมาก
โดยตั้งแต่สิ้นปี ค.ศ.2005-สิ้นปี ค.ศ.2007 กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนได้เพิ่มร้อยละ
30.6 และร้อยละ 20.6 ตามลำดับ โดยพลังงานหมุนเวียนที่มีการเติบโตมากที่สุดคือพลังงานลม
ซึ่งตั้งแต่ปี ค.ศ.2006-ค.ศ.2008 มีอัตราการเติบโตกว่าสองเท่าในแต่ละปี
ต่อมา
รัฐบาลจีนได้จัดทำแผนหลักสำหรับการใช้พลังงานหมุนเวียนในประเทศ คือ Eleventh Five-Year Plan for Renewable Energy Development
(EFYPRED) และ Mid- and Long-Term Plan for Renewable Energy
Development (MLTPRED) ซึ่งจากเป้าหมายใน MLTPRED นั้น ปริมาณการใช้พลังงานหมุนเวียนในประเทศจีนควรเป็นสัดส่วนร้อยละ
10 ของปริมาณการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศภายในปี ค.ศ. 2010 และเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของปริมาณการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศภายในปี ค.ศ.
2020 นอกจากนี้ ในปี ค.ศ.2010 เป้าหมายกำลังการใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมดเท่ากับ 300 ล้านตัน ถ่านหินเทียบเท่า (ton of coal equivalent: tce) ซึ่งจะมาจากไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเท่ากับ 248.24 ล้านตันถ่านหินเทียบเท่า
(tce)ในส่วนของเป้าหมายในปี ค.ศ.2010 และ ค.ศ.2020 กำลังการผลิตไฟฟ้าจาก
พลังงานน้ำจะเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของศักยภาพการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด [Wang et
al., 2010 และ Zhanet al., 2009]
มาตรการในการสนับสนุนการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในประเทศจีนสามารถจำแนกออกได้เป็น 3 มาตรการหลักๆ ได้แก่ [Sui et al., 2010]
(ก) การรับประกันการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและการให้เงินอุดหนุน
Renewable Energy Law (REL) ได้กำหนดให้มีการรับประกันการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและการให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ผลิต
เพื่อให้ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสามารถคุ้มทุนได้ โดยภาครัฐจะเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมด
ในราคาที่กำหนดโดยรัฐบาล ซึ่งราคาที่รับซื้อจะสูงกว่าราคาไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
เพื่อดึงดูดใจให้นักลงทุนลงทุนในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เนื่องจากต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสูงกว่าการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
(ข) เงินกองทุนของรัฐบาลสำหรับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน
การตั้งเงินกองทุนในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน เริ่มดำเนินการก่อนการประกาศใช้
REL นั่นคือ เริ่มมีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 โดยให้การสนับสนุนในรูปแบบของเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือเงินสนับสนุน
ซึ่งมีโครงการประมาณ 1,000 โครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนนี้
สำหรับที่มาของเงินกองทุนนี้จะมาจากเงินภาษี
(ค) มาตรการอื่นๆ REL ได้กำหนดมาตรการทางเศรษฐศาสตร์อื่นๆ
ที่จะสนับสนุนการลงทุนในการผลิตพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ การส่งเสริมสถาบันการเงินในการให้เงินกู้แก่โครงการผลิตพลังงานหมุนเวียน
การให้ประโยชน์ทางภาษีแก่โครงการผลิตพลังงานหมุนเวียน และการยกเว้นค่าธรรมเนียมหรือ
ลดค่าธรรมเนียมในการนำเข้าอุปกรณ์ในการผลิตพลังงานหมุนเวียน เช่น กังหันลมผลิตไฟฟ้า
เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์