แคนาดา
จังหวัดควีเบก
ของประเทศแคนาดา นับเป็นจังหวัดแรกของแคนาดาที่นำระบบภาษีคาร์บอนมาใช้โดยได้เริ่มเรียกเก็บภาษีคาร์บอนจากเชื้อเพลิงไฮโดรคาร์บอน (ได้แก่ ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ และ ถ่านหิน)
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.
2007 โดยอัตราภาษีคาร์บอนที่เรียกเก็บจะอยู่ที่ 0.8 cent/l สำหรับน้ำมันเบนซิน 0.9 cent/l สำหรับน้ำมันดีเซล
0.96 cent/l สำหรับน้ำมันเตาประเภทใส และ 8 CND/ton สำหรับถ่านหิน
ล่าสุดจังหวัดบริติชโคลัมเบีย
ได้ประกาศที่จะดำเนินการเริ่มจัดเก็บภาษีคาร์บอน โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 โดยในเบื้องต้นจะจัดเก็บในอัตรา 10 CND/ton CO2 และจะค่อยๆเพิ่มอัตราการเรียกเก็บภาษีขึ้นอีกปีละ
5 CND/ton CO2 ทุกปี จนกระทั่งเข้าสู่อัตรา 30 CND/ton CO2 ในปี ค.ศ.2012 อัตราภาษีที่จัดเก็บนี้นับได้ว่ามีค่าสูงกว่าอัตราภาษีคาร์บอนที่เรียกเก็บโดยจังหวัดควีเบกอยู่พอสมควร
นั่นคือ อัตราภาษีเริ่มต้นของบริติซโคลัมเบียในระดับ 10 CND/ton CO2 จะเทียบเท่ากับการเก็บภาษีน้ำมันเบนซินในอัตรา 2.4 cent/l ซึ่งคิดเป็นสามเท่าของอัตราภาษีที่เรียกเก็บอยู่ในจังหวัดควีเบก
นอกจากลักษณะการกำหนดการเพิ่มอัตราภาษีอย่างค่อยเป็นค่อยไปแล้ว
ระบบภาษีคาร์บอนที่บริ-ติซโคลัมเบียประกาศใช้ ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอยู่สองประการ นั่นคือ หนึ่ง เป็นระบบภาษีที่มีฐานภาษีที่กว้างจนแทบจะกล่าวได้ว่าครอบคลุมถึงเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด
โดยไม่รวมเชื้อเพลิงชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพต่างๆ และ สอง เป็นการจัดเก็บภาษีในลักษณะ Revenue-Neutral อย่างแท้จริง รายได้จากภาษีจะถูกคืนให้กับผู้เสียภาษีและประชากรของจังหวัดทุกคน
ในรูปของการลดภาษี personal income tax, corporate income tax, small
business tax และการให้คืน Climate Action Credit สำหรับผู้มีรายได้ต่ำ และ Climate Action Dividend ให้กับประชากรที่อาศัยในจังหวัดทุกคน