ออสเตรีย

ในปี ค.. 2011 ประเทศออสเตรเลียได้ออกฎหมาย Clean Energy Bill โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อต้องการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เพื่อบรรเทาปัญหาโลกร้อน และ ให้บรรลุข้อตกลงในพิธีสารเกียวโต โดยมีเป้าหมายที่จะลดก๊าซเรือนกระจกให้เหลือ ร้อยละ 80 ของระดับก๊าซเรือนกระจกในปี ค.. 2000 ภายในปี ค.. 2050 ด้วยการใช้กลไกที่มีความยืดหยุ่น กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ใน วันที่ 1 กรกฎาคม ค.. 2012 โดยผู้ประกอบการที่เข้าข่ายจะต้องจ่ายภาษีต่อตันของคาร์บอนฯที่ปล่อยสู่บรรยากาศ กระบวนการจะแบ่งเป็น 2 ระยะ โดยใน 3 ปีแรก จะมีการเก็บภาษีคาร์บอนในอัตราคงที่ จากนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.. 2015 จะใช้ระบบการจำกัด และ ซื้อขายคาร์บอน (cap and trade) ซึ่งราคาคาร์บอนจะถูกกำหนดจากตลาดคาร์บอน

 

ในช่วง 3 ปีแรก อัตราภาษีจะคงที่อยู่ที่ 23 เหรียญออสเตรเลีย ($AUS) ต่อตันคาร์บอนฯ (ประมาณ 715 บาทต่อตันคาร์บอนฯ ณ อัตราแลกเปลี่ยน 31 บาท/$AUS และ จะมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีที่แท้จริงขึ้น 2.5% ทุกๆ สองปี ตัวอย่างเช่น หากอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 2.5 % รวมกับการปรับอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นอีก 2.5% จะทำให้อัตราภาษีคาร์บอนเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 5% หรืออยู่ที่ประมาณ 24.15 $AUS (750 บาท) ในปี ค.. 2013-2014 และ ประมาณ 25.40 $AUS (790 บาท) ต่อตันคาร์บอนฯ ในปี ค.. 2014 – 2015เหตุผลในการจัดเก็บภาษีคาร์บอนในอัตราคงที่ในระยะแรกนั้นก็เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับรู้ถึงต้นทุนที่แน่นอนในการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ และ สามารถที่จะปรับตัวได้อย่างเหมาะสม สำหรับผู้ประกอบการที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีคาร์บอน คือ ผู้ประกอบการที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ โดยตรง ตั้งแต่ 25,000 ตันต่อปีขึ้นไป ทั้งนี้ไม่รวมปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ จากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการขนส่ง

 

ณ วันที่ 1 กรกฎาคม ค.. 2015 ราคาคาร์บอนจะเปลี่ยนแปลงไปตามกลไกราคาของตลาดคาร์บอนที่จะถูกจัดตั้งขึ้น ในแต่ละปีรัฐบาลจะกำหนดเพดานของปริมาณก๊าซคาร์บอนฯ และ ออกใบอนุญาตในการปล่อยก๊าซฯ ตามปริมาณก๊าซคาร์บอนฯ ที่กำหนด โดยเพดานการปล่อยก๊าซฯ นั้นจะมีการเปลี่นแปลงทุกๆ ห้าปี ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการรับทราบด้วยความแน่นอน และ วางแผนการดำเนินการลดก๊าซฯได้อย่างถูกต้อง ใบอนุญาตฯ 1 ใบ ให้สิทธิ์ในการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้ 1 ตัน ใบอนุญาตฯดังกล่าว ส่วนหนึ่งจะนำไปขายโดยการประมูล อีกส่วนหนึ่งจะแจกให้ฟรีแก่ผุ้ประกอบการบางราย โดย

พิจารณาจากมูลค่าการนำเข้าและส่งออกเทียบกับมูลค่าที่ผลิตภายในประเทศ (Trade exposure) และ ความเข้มข้นในการปล่อยก๊าซฯ (emission intensity) เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

 

ภาคครัวเรือน และ รถยนต์ขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ ภาคเกษตร ป่าไม้ และ ประมง จะไม่ต้องเสียภาษีคาร์บอนจากการใช้เชื้อเพลิงที่ใช้ในการคมนาคม อย่างไรก็ตามการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อประโยชน์อย่างอื่นนอกเหนือจากการคมนาคม เช่น การใช้น้ำมันเพื่อเดินเครื่องจักร จะต้องจ่ายภาษีคาร์บอนนอกจากนี้ ภาคธุรกิจการบินภายในประเทศ การขนส่งทางเรือ และ รถไฟ จะต้องมีการเสียภาษีคาร์บอนแม้ว่าจะเป็นการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการคมนาคมก็ตามเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการเก็บภาษีคาร์บอนต่อภาคธุรกิจ กฎหมายดังกล่าวได้ระบุมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เช่น การจัดสรรใบอนุญาตฯ ฟรีแก่อุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซฯ สูง การจัดสรรสบทบ (matching fund) ในการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และ การใช้เทคโนโลยีที่สะอาด รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว จัดสรรเงินเพื่อการลงทุนในเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซฯ ในภาคอุตสาหกรรมการขุดเจาะถ่านหิน และ อุตสาหกรรมเหล็ก การให้ธุรกิจขนาดเล็กหักค่าใช้จ่าย

ได้เพิ่มขึ้นก่อนการคำนวณภาษี เป็นต้น สำหรับความช่วยเหลือรายได้จากการจัดเก็บภาษี กว่าร้อยละ 50จะถูกนำมาใช้บรรเทาปัญหาให้แก่ภาคครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ และ ปานกลาง เช่น การเพิ่มระดับเพดานรายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษีให้สูงขึ้น การลดอัตราภาษีเงินได้ และ การช่วยเหลือในรูปของเงินโอนสวัสดิการต่างๆ

Visitors: 631,073