ฉลอง 20 ปี อาลีบาบาประกาศ 6 ค่านิยมใหม่ รับยุคดิจิทัล​ เพื่อให้ยืนหยัดในธุรกิจได้อย่างน้อย​ 102 ปี

 
แหล่งที่มา : www.brandbuffet.in.th วันที่โพสต์ :  27 ก.ย. 2562
       

ฉลอง 20 ปี อาลีบาบาประกาศ 6 ค่านิยมใหม่ รับยุคดิจิทัล​
เพื่อให้ยืนหยัดในธุรกิจได้อย่างน้อย​ 102 ปี

   

อาลีบาบาเผยค่านิยมหลัก 6 ข้อ ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของการก่อตั้งบริษัท เพื่อสืบสานวัฒนธรรมองค์กร ให้สอดรับกับยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ค่านิยมของบริษัทก็เป็นแนวทางสำคัญต่อการขับเคลื่อนธุรกิจระยะยาว เพราะเป้าหมายที่ผู้ก่อตั้งอย่าง แจ็ค หม่า เคยประกาศไว้ คือ บริษัทจะต้องดำรงอยู่ให้ได้อย่างน้อย 102 ปี

สำหรับ อาลีบาบา กรุ๊ป เป็นเว็บไซต์ B2B ของจีน ก่อตั้งเมื่อปี 2542 มีผู้ร่วมก่อตั้ง 18 คน นำโดย แจ็ค หม่า ครูสอนภาษาอังกฤษจากเมืองหังโจว ประเทศจีน ซึ่งตั้งแต่ระยะเริ่มแรกผู้ร่วมก่อตั้งมีความเชื่อมั่นว่า อินเทอร์เน็ตจะเข้ามามีบทบาทสำคัญสำหรับผู้ประกอบการรายเล็ก เพราะการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีจะทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถแข่งขันทางเศรษฐกิจได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแข่งในระดับประเทศหรือในระดับโลก

ดังนั้น ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของการก่อตั้งเว็บไซต์​ ก็ได้พัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มที่สนับสนุนผู้ส่งออก ผู้ผลิตและผู้ประกอบการรายย่อยของจีน เพื่อค้าขายกับต่างประเทศ จนทำให้อาลีบาบา กรุ๊ปกลายเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจโมบาย คอมเมิร์ซ หรือการทำธุรกิจซื้อขายออนไลน์ ผ่านทางสมาร์ทโฟน และเป็นผู้ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล จนในปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัลทำให้อาลีบาบา กลายเป็นแพลตฟอร์มและธุรกิจที่ประกอบไปด้วยผู้บริโภค ผู้ขาย แบรนด์ ผู้ค้าปลีก ผู้ให้บริการภายนอก หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายอื่นๆ เกิดการพัฒนาไปพร้อมกัน โดยล่าสุด อาลีบาบา กรุ๊ป ได้ถูกจัดให้เป็นแบรนด์ล้ำค่าที่สุดประจำปี 2562 ในการจัดอันดับ 100 แบรนด์ที่ล้ำค่าที่สุด โดย BrandZ  

“บริษัท 3 ศตวรรษ” เป้าหมายใหญ่ที่ต้องพิชิต 

พันธกิจสำคัญของอาลีบาบา กรุ๊ป คือการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมเพื่อให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกแห่งทั่วโลกได้ตามต้องการในยุคดิจิทัล ขณะที่บทบาทและหน้าที่หลักของอาลีบาบาคือผู้สร้างสาธารณูปโภคด้านการค้าที่ครอบคลุมในอนาคต เพื่อสามารถรองรับได้ท้ังการเป็นสถานที่ได้พบปะ (Meet@Alibaba) ได้ทำงานร่วมกัน (Work@Alibaba) และได้ใช้ชีวิต (Live@Albaba) แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การขับเคลื่อนให้ธุรกิจยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ก็จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนทิศทางไปเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน

นำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนค่านิยมใหม่ของอาลีบาบาทในครั้งนี้ และนับเป็นครั้งที่สองในรอบ 20 ปี ของอาลีบาบา ภายหลังได้แถลงพันธกิจและค่านิยมของบริษัทเป็นครั้งแรกไปเมื่อปี 2544 โดยแนวทางใหม่ๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนไปนี้ ถือว่ามีความเหมาะสมและช่วยให้อาลีบาบาเติบโตได้มากขึ้น จากที่เคยเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่มีผู้ร่วมก่อตั้งเพียง 18 คน ในอพาร์ทเมนต์ ณ เมืองหังโจว แต่วันนี้อาลีบาบากลายเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 100,000 คน และมีบริษัทในเครืออีกกว่า 30 หน่วยธุรกิจ

ทั้งนี้ ค่านิยมที่อาลีบาบายึดถือ เป็นหัวใจสำคัญในการบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัท ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกผู้ร่วมงาน ไปจนถึงเรื่องของเงินค่าชดเชยในการทำงานเกินเวลา และการเลื่อนขั้นของพนักงาน เนื่องจาก ขนาดธุรกิจที่ใหญ่มากขึ้นอย่างเช่นในปัจจุบัน ทำให้ค่านิยมที่ถูกต้องและเหมาะสม ยิ่งมีความจำเป็นและเป็นตัวกำหนดให้พนักงานที่แม้จะอยู่ต่างหน่วยธุรกิจกัน รับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ที่แตกต่างกัน หรือมีถิ่นพำนักในภูมิศาสตร์ที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็สามารถมีความเป็น Unity และมีแนวทางในการปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันได้ เพื่อทำให้วิสัยทัศน์และพันธกิจของอาลีบาบาบรรลุเป้าหมายเดียวกัน


รูปปั้นคน 3 คน ที่กำลังก้าวเดินและก้มหน้า เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนบุคลิกของชาวอาลีบาบา หรือ อาลีเหริน (Ailren)​ จะมีบุคลิกที่ชัดเจน 3 เรื่อง​ คือ แข็งแกร่ง อดทน และอ่อนน้อมถ่อมตน

สำหรับการปรับเปลี่ยนค่านิยมครั้งล่าสุดของอาลีบาบานั้น เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของพันธกิจและวิสัยทัศน์ที่บริษัทต้องการตอกย้ำคือ “การทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกหนแห่งทั่วโลก” ขณะที่อาลีบาบาเองก็ต้องสามารถยืนหยัดในธุรกิจให้ได้ต่อไปอย่างน้อย 102 ปี โดยมีเหตุผลหลักคือ การเป็นหนึ่งในจำนวนธุรกิจไม่กี่แห่งที่จะได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่อยู่มาแล้วถึง 3 ศตวรรษ เนื่องจาก อาลีบาบากรุ๊ป ตั้งขึ้นเมื่อปี 1999 ซึ่งเป็นช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และหากสามาถยืนหยัดต่อไปได้อีก 100 ปี ก็จะพ้นศตวรรษที่ 21 (2000-2100) และในปีต่อไปหรือปีที่ 102 ของการดำเนินธุรกิจ ก็เท่ากับบริษัทสามารถก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 22 ได้สำเร็จ ซึ่งยากนักที่จะหาธุรกิจใดที่อยู่มาได้ยาวนานถึง 3 ศตวรรษเช่นนี้

โดยในส่วนของค่านิยมใหม่ทั้ง 6 ข้อ ที่ทางอาลีบาบาได้ทำการปรับปรุงขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. ลูกค้ามาก่อน พนักงานมาเป็นอันดับสอง และผู้ถือหุ้นอันดับสาม (客户第一,员工第二,股东第三 )
อาลีบาบา มองว่า ความเข้าใจและการระบุความต้องการและปัญหาของลูกค้า คือความรับผิดชอบสูงสุดของธุรกิจ การสร้างค่านิยมที่ยั่งยืนเกี่ยวกับลูกค้าจะทำให้พนักงานเติบโต และผู้ถือหุ้นได้รับผลประโยชน์ระยะยาว

2. ความเชื่อใจทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย ( 因为信任,所以简单 )
ความเชื่อใจเป็นองค์ประกอบที่มีทั้งคุณค่าและเปราะบาง จึงต้องการให้ชาวอาลีบาบา หรือ อาลีเหริน (Aliren) มีความตรงไปตรงมา ยึดถือค่านิยมที่ถูกต้องและพึ่งพากันและกันโดยอาศัยความเชื่อใจ

3. การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่แน่นอน (唯一不变的是变化)
เพราะโลกกำลังเปลี่ยนแปลง แม้ว่าตัวเราอาจจะไม่เปลี่ยน ดังนั้น การยอมรับการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นคุณสมบัติเฉพาะของอาลีบาบา ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อตัวเองหรือการสร้างความเปลี่ยนแปลงภายในบริษัท

4. ผลลัพธ์ที่ดีสุดของวันนี้ คือมาตรฐานของวันพรุ่งนี้ (今天最好的表现是明天最低的要求) 
แนวทางการก้าวไปข้างหน้าและอยู่จุดที่เหนือกว่า (onward-and-upward approach) ทำให้อาลีบาบาฝ่าฟันช่วงเวลาที่ท้าทายและเติบโตไปอีกขั้น ถึงแม้ว่าจะสามารถขึ้นไปอยู่ในฐานะผู้นำแล้ว แต่จิตวิญญาณของอาลีบาบา คือ การท้าทายตนเอง สร้างแรงผลักดันและก้าวข้ามมาตรฐานของตัวเองอยู่เสมอ

5. ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วตอนไหน ถ้าไม่ใช่เรา แล้วจะเป็นใคร (此时此刻,非我莫属)
ถือเป็น tagline แรก ที่ใช้บนโฆษณาหางานของอาลีบาบา และในปัจจุบันบริษัทก็ยังคงให้คุณค่ากับตัวพนักงานและพยายามทำให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในฐานะเจ้าของธุรกิจ ทำให้พนักงานมีเป้าหมายที่ชัดเจนและแรงผลักดันในการทำงานเพิ่มมากขึ้น

6. ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง ทำงานให้มีความสุข (认真生活, 快乐工作) 
แม้ว่างานคือสิ่งสำคัญในตอนนี้ แต่ชีวิตยั่งยืนกว่า นโยบายของอาลีบาบาจึงต้องการให้พนักงานใช้ชีวิตจริงจัง เหมือนกับการทำงาน และมีความสุขกับงาน เหมือนที่มีความสุขกับการใช้ชีวิต อย่างไรก็ตาม บริษัทให้ความเคารพต่อรูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิต (work-life balance) ที่พนักงานเป็นผู้เลือกด้วยตัวเอง


แจ๊ก หม่า เปรียบเวลาที่บุคลากรทำงานในอาลีบาบาเหมือนกับรสชาติของไวน์ ตามจำนวนปี โดยปีที่1 จะอยู่ในช่วงเริ่มบ่ม ต้องปรับตัว เรียนรู้สิ่งต่างๆ ปีที่ 3 เริ่มมีความกลมกล่อม เริ่มเข้าใจตัวตน และวัฒนธรรมองค์กรต่างๆ และสุดท้ายถ้าผ่านพ้นปีที่ 5 ไปได้ ก็จะได้ไวน์ที่สมบูรณ์ มีรสชาติที่เพอร์เฟ็กต์ เริ่มซึมซับวิธีคิดและสปิริตในแบบของชาวอาลีบาบา

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันธุรกิจในเครืออาลีบาบามีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นบริการในกลุ่มอีคอมเมิร์ซ ฟินเทค ลอจิสติกส์ คลาวด์ และเอ็นเตอร์เทนเมนท์ โดยความตั้งใจของอาลีบาบานั้น มุ่งหวังที่จะสามารถให้บริการที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภคกว่า 2 พันล้านคนทั่วโลก สร้างงานไม่ต่ำกว่า 100 ล้านตำแหน่ง รวมทั้งสามารถสร้างรายได้และผลกำไรที่ดีให้แก่ผู้ประกอบการ​ โดยเฉพาะในกลุ่มขนาดกลางและขนาดย่อมท่ีมีมากกว่า 10 ล้านราย ภายในปี 2579

ภาพ Hand Stand ในอาลีบาบา สะท้อนวิธีคิดแบบมุมกลับ เพื่อได้มาซึ่งวิธีการใหม่ๆ ในการทำงาน และได้เห็นมุมมองที่แตกต่างที่ไม่มีใครมองเห็น


มีการกำหนดให้ วันที่ 10 เดือน 5 เป็นวัน Ali Day ซึ่งจะมีงาน Open House เปิดโอกาสให้พนักงานพาครอบครัวมาที่บริษัทได้ รวมทั้งจะมีการจัดงานสมรสหมู่ให้กับพนักงานภายในบริษัทด้วย
Visitors: 627,531