บล็อกเชนจะเป็นมาตรฐานใหม่ของโลก ยักษ์ใหญ่โลก 84% เริ่มใช้บล็อกเชนไม่ใช่แค่การเงิน แต่ใช้ได้หลายธุรกิจ

 
แหล่งที่มา : www.facebook.com/ธุรกิจ4.0 วันที่โพสต์ :  21 เม.ย. 2562
       
บล็อกเชนจะเป็นมาตรฐานใหม่ของโลก ยักษ์ใหญ่โลก 84%
เริ่มใช้บล็อกเชนไม่ใช่แค่การเงิน แต่ใช้ได้หลายธุรกิจ

International Data Corp รายงานว่าในปี 2019 จะมีเงินที่ภาครัฐและเอกชนทั่วโลกใช้ไปกับเทคโนโลยีบล็อกเชนรวม 2,900 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยมากกว่า 90,000 ล้านบาท

การใช้เงินในบล็อกเชนปี 2019 จะมีเพิ่มขึ้นจากปี 2018 มากกว่า 89% และมีการประเมินว่าภายในปี 2022 จะมียอดเงินแตะ 12,000 ล้านดอลลาร์ หรือ หรือมากกว่า 380,000 ล้านบาท

ปี 2018 PwC หรือ PricewaterhouseCoopers ได้ทำการสำรวจผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก 600 คน ได้คำตอบว่า 84% กำลังมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน

บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังบิทคอยน์ ซึ่งสามารถสร้างระบบแบบไม่รวมศูนย์ ไม่มีตัวกลาง ปลอมแปลงยาก ประสิทธิภาพของการทำงานเกี่ยวกับข้อมูลดีขึ้น รวดเร็วขึ้น ค่าใช้จ่ายต่ำลง ลดจำนวนเอกสารที่อยู่ในรูปแบบของกระดาษได้เกือบหมด ทำให้ผู้บริหารขององค์กรต่างๆพยายามหาทางเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในธุรกิจหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของตัวเอง 

ในช่วงแรกที่มีการแนะนำบิทคอยน์และบล็อกเชนออกสู่สายตาชาวโลก คนจำนวนมากมองว่ามันเป็นสิ่งเลวร้าย เป็นเรื่องหลอกลวง เงินดิจิตอลถูกตราหน้าว่าเป็นเกมโกง 

สื่อโซเชียลดังอย่างเฟซบุ๊กเคยแบนทั้งบิทคอยน์และบล็อกเชน ข้อมูลอะไรที่มีคำนี้เกี่ยวข้องเคยถูกกีดกันไม่ให้กระจายหรือไม่ให้โฆษณา แต่วันนี้มีข่าวว่าเฟซบุ๊กกำลังจะมีเงินดิจิตอลของตัวเอง

ฟอร์บส์ซึ่งสำรวจเรื่องธุรกิจและเศรษฐีใหญ่ของโลกอยู่เป็นประจำ วันนี้กำลังหันมาสำรวจเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนว่ามีใครกำลังทำอะไรอยู่บ้าง 

เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน 2019 มีรายงาน Forbes Blockchain 50 โดยเป็นการสำรวจจากบริษัทที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ 

ตัวอย่างของกิจกรรมที่บริษัทใหญ่ๆในโลกกำลังเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ เช่น

ธนาคารกลางของหลายประเทศ กำลังสร้างสกุลเงินดิจิตอลของตัวเอง เพื่อความสะดวกในการโอนชำระเงิน จะทำให้ความต้องการใช้ธนบัตรลดน้อยลง ตามรอยเงินได้ง่ายขึ้น

การโอนเงินข้ามแดนที่เคยต้องใช้ตัวกลางเป็นสถาบันการเงิน มีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง ต้องแปลงค่าเงินหลายชั้น เสียส่วนต่างมากกำลังจะหายไป เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยทำให้เงินดิจิตอลถูกใช้เป็นเครื่องมือการโอนเงินที่มีต้นทุนต่ำ และทำได้แบบเรียลไทม์

วอลล์มาร์ตยักษ์ใหญ่ค้าปลีกโลกใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการตามรอยสินค้าที่ซื้อจากซัพพลายเออร์ รู้ว่าต้นทางมาอย่างไร อยู่ไหนแล้ว ลดความเสี่ยงเรื่องความเน่าเสียของสินค้าประเภทอาหารที่มีต้นทางอยู่ในระยะไกล

ซีเกท ผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการจับและป้องกันการปลอมแปลงสินค้า

บริษัทประกันอย่างเมทไลฟ์ ใช้บล็อกเชนเป็นระบบติดตามตรวจสอบ ทำให้สามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์และตรวจพบว่าเป็นโรคเบาหวานได้ทันที มีระบบเชื่อมต่อที่รายงานผลได้ชัดเจน

อเมซอนให้บริการเว็บสำหรับทุกบริษัทที่ต้องการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนโดยไม่ต้องการพัฒนาระบบของตัวเอง และได้กลายเป็นสายธุรกิจของอเมซอนที่สร้างผลตอบแทนได้มากที่สุด ปี 2018 มีกำไรจากการดำเนินงานเฉพาะในส่วนของคลาวด์มากถึง 7,300 ล้านดอลลาร์ 

แอนท์ไฟแนนซ์เชียลของอาลีบาบา ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในระบบการโอนเงินข้ามประเทศแบบทันใจ คนที่อยู่ในฮ่องกงโอนเงินไปฟิลิปปินส์ได้ทันที อาลีบาบาเอาบล็อกเชนมาช่วยตามรอยสินค้าที่ขายในตลาด 

แม้ว่าบล็อกเชนจะเป็นเทคโนโลยีที่อยู่ในช่วงตั้งไข่ แต่ดูเหมือนว่าเป็นไข่ทองที่ไม่มีใครอยากพลาดโอกาสกอบโกยผลพวงที่จะเกิดขึ้นตามมา....


(สำหรับใครที่อยากได้ข้อมูลว่ามีบริษัทไหนกำลังเอา Blockchain มาใช้ ดูรายละเอียดได้ตามลิงค์ที่แนบมา)

https://www.forbes.com/sites/michaeldelcastillo/2019/04/16/blockchains-billion-dollar-babies/#3d4f77fb30e6
 
   
Visitors: 626,651