นักวิเคราะห์เศรษฐกิจไทย กังวล 'ค่าเงิน' ทะลุ 30 บ.ต่อดอลลาร์ มองกำไร 'บจ.' หนุนการเติบโต

 
แหล่งที่มา : www.thansettakij.com วันที่โพสต์ :  11 มี.ค. 2561
       
 นักวิเคราะห์เศรษฐกิจไทย กังวล "ค่าเงิน" ทะลุ 30 บ.ต่อดอลลาร์
มองกำไร "บจ." หนุนการเติบโต
นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยถึงการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยโดยระบุว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้น มองว่าสิ่งที่จะกดดันการลงทุนคือ ค่าเงินบาทที่ แข็งค่า โดยอาจส่งผลกระทบกับกลุ่มส่งออกที่อาจเติบโตได้ไม่เต็มที่


"ความเสี่ยงในประเทศ คือค่าเงินบาทที่แข็งค่า อาจไปอยู่ที่ระดับ 30-31 บาทต่อดอลลาร์ รวมถึงปัจจัยการเมืองที่จะเริ่มมีผลมากขึ้นในช่วงที่ใกล้การเลือกตั้ง"


นอกจากนี้ต้องติดตามคือการกีดกั้นทางการค้าที่เคยเกิดขึ้นใน อดีตจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาการขึ้นภาษีเหล็กนั้นเป็นสัญญาณที่ต้องจับตา รวมถึงความเสี่ยงของกลุ่มยูโรโซน อาจจะเกิดวิกฤติรอบใหม่ และจีนจะมีการเติบโตที่ลดลงหรือไม่


สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่กำไรในไตรมาสที่4 ปรับเพิ่มขึ้นมาพอสมควร จึงมีโอกาสที่ดัชนีปรับเพิ่มได้อีก ทั้งนี้ บล.ประเมินว่าดัชนีมีโอกาสแตะ 1,900 จุด ตัวเลขเศรษฐกิจทั่งโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่จีดีพีไทยมีโอกาสเติบโต 4% โดยจะมีแนวหนุนจากงบประมาณเบิกจ่ายภาครัฐบาล โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา การเบิกจ่ายนั้นน้อยกว่าที่คาดจากกฏระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งอาจจะมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้ง่ายมากขึ้น


ขณะที่รัฐวิสาหกิจน่าจะเบิกจ่ายได้ง่ายขึ้น ทำให้ไตรมาสที่ 1 การเบิกจ่ายน่าจะดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนสถาบันเข้าซื้อหุ้นไทยประคองดัชนี ตราบใดที่เงินลงทุนสถาบันยังเพิ่มขึ้นจะช่วยดันดัชนีไว้ได้


ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ มองว่า เศรษฐกิจจะเติบโตที่ระดับ 4% แม้จีดีพีจะเติบโตได้ดี แต่รายได้ของแรงงานไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โตแค่ภาพเศรษฐกิจรวม แต่ไม่ได้กระจายไประดับล่าง มุมมองของค่าแรงยังไม่ขยับขึ้น ทั้งที่แรงงานหดตัว


ส่วนการเติบโตได้รับอานิงสงค์ดีจากการท่องเที่ยวและการส่งออก แต่อาจกระทบกับค่าเงินที่แข็งค่าอาจกระทบกับกำไรในกลุ่มส่งออก รวมถึงการลงทุนภาคเอกชน จากแรงหนุนของอีอีซี และ รายจ่ายการบริโภคระดับกลางและระดับบนยังเติบโตได้ดี


กลุ่มน่าสนใจลงทุน มองว่ากลุ่มท่องเที่ยวยังน่าสนใจลงทุน ทั้งกลุ่มโรงแรมและสนามบิน กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง สื่อโฆษณา


ส่วนนาย อภิชาติ ประสิทธิ์นฤทธิ์ นายกสมาคมการค้าอสังหาและพันธมิตร เปิดเผยว่า ใน ด้านอสังหาริมทรัพย์สิ่งที่ถูกจับตาคือ ภาษีที่ดินอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะถูกบังคับใช้ได้หรือไม่ โดยคาดหวังว่าจะเริ่มบังคับใช้ได้ภายในปี 2562


ข้อจำกัดภาษีที่ดินดั้งเดิมถูกใช้มายาวนาน ทำให้ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ไม่ได้มีการถูกกระตุ้นให้ใช้ภาษีได้จริง โดยอัตราที่ดินของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ นั้นแทบจะต่ำที่สุดในโลก ขณะที่ราคาซื้อขายที่ดินแท้จริง จะสูงกว่าราคาประเมินค่อนข้างมาก


สิ่งที่ต้องระวังในการออกกฏหมายใหม่คือภาษีที่ดินจะต้องไม่สูงเกินไปและกระทบกับผู้ที่เช่าที่ดิน รวมถึงต้องส่งเสริมในกลุ่มธุรกิจการศึกษา และไม่ให้กระทบกับกลุ่มเกษตรกร


ในด้านการคำนวณอัตราภาษีใหม่ ได้ลดทอนอัตราเพดานและการจัดเก็บภาษี เพื่อให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น โดยคิดตามมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทั้งนี้ภาษีที่ดิน จะเป็นปัจจัยในการสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยกระจายอำนาจการบริหารให้หับส่วนท้องถิ่นมากขึ้น


ด้านนายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ อดีต สสร.2550 และสื่อมวลชน เปิดเผยว่า ดัชนีดาว์โจนส์ถือว่าเป็นดัชนีนำของโลก ที่ผ่านมาดาว์นโจนขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงต.ค.ปีที่ผ่านมา 22,250 จุด จนถึง เดือนม.ค.26,750 จุดก่อนที่จะเจอแรงขายออกมา ในช่วง ก.พ.จากการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีที่มากเกินไป


“สหรัฐฯอาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 3-4 ครั้ง มองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ย อาจจะมากเกินไป จะทำให้เงินไหลกลับสหรัฐมากขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนต้องติดตามดัชนีดาวโจนส์เพราะจะส่งสัญญาณหับตลาดการเงินมากที่สุด ส่วนราคาน้ำมันนั้น นักวิเคราะห์ประเมินว่าจะอยู่ในระดับ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าต่างประเทศ ทำให้การปรับฐานน้อยกว่า แต่ยังถูกกดดันด้วยกองทุนต่างประเทศ”
       
   
ขอบคุณข่าวจาก : thansettakij.com
 
Visitors: 629,461