หน้าใหม่

 
แหล่งที่มา : www.thansettakij.com วันที่โพสต์ :  12 ก.พ. 2561
       
ผุดรถไฟฟ้าทุกปี BEM ลุ้นกำไรโต 
รถไฟฟ้าขยายเส้นทางต่อเนื่องเปิดใหม่ทุกปี “สมบัติ” เชื่อกิจการมั่นคงความเสี่ยงตํ่า เติบโตแบบ นํ้าซึมบ่อทราย พร้อมร่วมประมูลเดินรถสายสีม่วงใต้ สีส้ม รถไฟความเร็วสูง บล.หยวนต้าแนะซื้อเป้า 9.55 บาท

นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน)(BEM) กล่าวในงานสัมมนาหุ้นไทยไป 2000 จุด? ว่าปัจจุบันประเทศไทยมีต้นทุน ทางโลจิสติกส์ของประเทศค่อนข้างสูง รัฐบาลจึงได้พยายามแก้ไขปัญหาจนสำเร็จไปในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ดังนั้นนับจากนี้ไประยะ 4-5 ปีจะพบว่ามีระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเปิดให้บริการทุกปี

ปี 2561 นี้มีสายสีเขียวเส้นทางไปจังหวัดสมุทรปรากา
- ปี 2562 สายสีนํ้าเงิน ส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค
- ปี 2563-2564 เปิดให้บริการช่วงท่าพระ-บางซื่อ จากนั้นในปีถัดๆ ไปจะเปิดสายสีชมพู ตามด้วยสายสีเหลือง และสายสีส้ม (ช่วงตะวันออก) แสดงว่ารัฐบาลดำเนินการพัฒนาอย่างจริงจัง

นายสมบัติ กิจจาลักษณ์
“แผนการลงทุนเพื่อเร่งพัฒนาระบบรางให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ภาครัฐอยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการถือว่ามาถูกทางแล้ว เพราะเทียบกับเมืองขนาดใหญ่จะต้องมีการให้บริการระบบรางประมาณ 20% ขึ้นไป ฮ่องกงมี 25-30% แต่ในไทยปัจจุบันโดยเฉพาะกรุงเทพฯ-ปริมณฑลที่คิดเป็น 50% ของจีดีพีไทย แต่การเดินรถยังไม่ถึง 10%”

นโยบายของ BEM คือต้องเข้าไปลงทุนล้อไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ขณะเดียวกันก็ต้องมีความสามารถแข่งขัน โดย BEM ยืนยันความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลเดินรถสายสีม่วงใต้ และสายสีส้ม รถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรน โดยมีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะสูงกว่าคู่แข่ง โดยการดำเนินโครงการต้องใช้ระยะเวลานานถึง 20-30 ปี จึงต้องเลือกโมเดลธุรกิจการบริหารจัดการที่ดี และมองโอกาสเติบโตข้างหน้าของ BEM ยังไต่ระดับขึ้นได้เรื่อยๆ

“การควบรวมทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า ยังถือว่าเราเป็นบริษัทน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ฯที่เริ่มไปเมื่อปี 2559 จึงยังดูดีพอที่จะสอดรับกับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลเชื่อมโยงกับแผนการพัฒนาตามแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ดังนั้นในการดำเนินการจึงต้องทำให้ตัวเลขมีผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุน BEM ก็จะต้องเข้าไปลงทุนได้ด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการประคับประคองการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล แต่สำคัญคือต้นทุนสู้รายอื่นได้หรือไม่” เขากล่าวและว่า

การลงทุนพัฒนาระบบรางของ BEM ยังเป็นไปในทำนองที่ว่านํ้าซึมบ่อทราย ค่อยเป็นค่อยไป ความเสี่ยงมีอยู่บ้าง แต่เมื่อมองในระยะยาวจะพบว่าเป็นการลงทุนในปัจจัยพื้นฐานที่อยู่ในประเทศทั้งนั้น เกิดการขยายโครงข่ายออกไปมากๆ รายไหนดำเนินการก็จะป้อนผู้โดยสารมาให้กับ BEM ด้วยเช่นกัน และหาก BEM ดำเนินการก็จะได้ลดต้นทุนอีกทางหนึ่งได้เช่นกัน ทั้งนี้ BEM ผ่านจุดคุ้มทุนไปแล้วจึงต้องรักษาบิสิเนสโมเดลให้อยู่ได้นานมากที่สุด

ประการสำคัญ ปัจจุบันพบว่าการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้มีการพัฒนานำหน้าไปก่อนโครงการรถไฟฟ้า หากยังคงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุน แนวโน้มรายได้ที่เข้ามาจะเป็นแนวขึ้นทั้งนั้น จากการที่ประชาชนหันมาใช้บริการมากขึ้น ระยะทางมากขึ้น มีอัตราที่จะใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลให้รายได้ก็มากขึ้นตามไปด้วย แม้บอร์ดบริหารจะมีนโยบายกันกำไรบางส่วนเพื่อใช้ในการลงทุน แต่ยังเชื่อว่าอย่างไรแล้ว การจ่ายปันผลก็ยังเป็นขาขึ้น

การเข้ามาลงทุนหุ้น BEM ขณะนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม เพราะส่วนหนึ่งได้มีการแบกรับความเสี่ยง (Take risk) ไปก่อนหน้านี้แล้ว มองเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)หยวนต้าฯ ออกบทวิเคราะห์แนะนำซื้อหุ้น BEM ให้ราคาเป้าหมาย 9.55 บาท คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2560 จะออกมาก้าวกระโดดกำไร 880 ล้านบาทเติบโต 49% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากยอดผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าและทางด่วนที่เพิ่มขึ้น มีปัจจัยบวกจากการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้า และราคาหุ้นยังขึ้นมาไม่มากเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ และหุ้นในกลุ่มขนส่ง
   
ขอบคุณข่าวจาก : thansettakij.com
 
Visitors: 628,428