หน้าใหม่

 
แหล่งที่มา : www.airfreight-logistics.com วันที่โพสต์ :  1 ก.พ. 2561
       
Freshport Asia เพิ่มประสิทธิภาพและช่วยลดต้นทุนการจัดการสินค้า cool chain ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย 

แน่นอนว่าถ้าใครได้รับช่อดอกไม้สดสวยสีสันสดใส ก็เป็นอันต้องประทับใจกันทั้งนั้น กลิ่นหอมหวานที่ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องสามารถสร้างความสดชื่นให้เราได้พอๆ กับการนั่งมองความงามของดอกไม้บนแจกันในห้องกว้าง แต่หากเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืนทำให้ดอกไม้ที่เคยสดสวยกลายเป็นแห้งเหี่ยว ก็อาจจะทำให้คุณค่าของความสดชื่นที่เคยมีหายไปพร้อมกับลูกค้าได้เช่นกัน เพราะนั่นหมายความว่า ขั้นตอนการจัดการสินค้าใน cool chain มีข้อบกพร่องเกิดขึ้น ส่งผลให้ระยะเวลาของดอกไม้ในแจกันลดลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ใช่ว่าจะไม่มีทางป้องกัน

แม้ว่าผู้ส่งสินค้าจะมีความระมัดระวังในการดูแลสินค้ามากเพียงใดก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าการขนส่งสินค้าทางอากาศย่อมมีความเสี่ยงเกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าประเภทของสดเสียง่ายและสินค้าควบคุมความเย็นที่มีโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาดและเกิดความเสียหายต่อสินค้าสูงกว่าสินค้าประเภทอื่นๆ ยิ่งสินค้าต้องผ่านการจัดการหรือส่งต่อหลายครั้งมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น การจะจัดเตรียมและจัดการขนส่งสินค้าไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยภายใต้อุณหภูมิที่เหมาะสมนั้นจึงต้องอาศัยทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

บริษัท Freshport Asia ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสินค้าควบคุมอุณหภูมิ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับชิปเมนท์ของลูกค้า ด้วยประสบการณ์ในการให้บริการจัดการสินค้าระดับโลกมาเป็นเวลาหลายปี Freshport Asia ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการรับมือกับปัญหาและการคาดการณ์ความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้กับสินค้าที่มีความอ่อนไหวต่ออุณหภูมิทุกประเภท โดย


Mr. Christopher Reichert ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท Freshport Asia ได้อธิบายให้เราเห็นถึงความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ผ่านการจัดการสินค้าของลูกค้าตลอดจนซัพพลายเชน อีกทั้งยังได้ขยายขอบข่ายการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของลูกค้า และได้เลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ยกระดับโซลูชั่นการจัดการสินค้าที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นไปอีก

Flexible Solutions

Freshport Asia เป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านการจัดการโลจิสติกส์ชั้นนำ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการบริหารจัดการขนส่งสินค้าควบคุมความเย็น และมีประสบการณ์ในการให้บริการแก่ลูกค้ารายใหญ่หลายรายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 10 ปี โดยหนึ่งในธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือการปฏิบัติการจัดการสินค้าประเภทของสดเสียง่ายสำหรับการขนส่งทางอากาศ ภายในเขตปลอดอากร (free zone) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในนามของ บริษัท BFS Cargo โดยหนึ่งในธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือบริการจัดการสินค้าประเภทของสดเสียง่ายสำหรับการขนส่งทางอากาศ และแม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Freshport Asia จะมีการขยายขอบข่ายการให้บริการมากขึ้น แต่พวกเขาก็ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักนี้อยู่เสมอ

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Freshport Asia ประสบความสำเร็จมาโดยตลอดคือ ความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตัวสินค้าและขั้นตอนการจัดการสินค้าร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งครอบคลุมถึงพันธมิตรทุกฝ่ายในซัพพลายเชน ตั้งแต่ต้นกระบวนการจนถึงปลายทางสุดท้าย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการและลดต้นทุน รวมไปถึงการลดความเสี่ยงในการจัดการสินค้าในทุกขั้นตอน เนื่องจากทุกขั้นตอนต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อทำให้ทุกการเชื่อมต่อและการส่งต่อสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่น และจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของสินค้าที่ขนส่งในที่สุด

Mr. Reichert กล่าวว่า “เราให้บริการจัดการสินค้าโดยใช้แนวทางการปฏิบัติการที่ดีที่สุด ภายใต้มาตรฐานของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) โดยพันธกิจของเราคือ เราจะให้บริการปกป้องสินค้าทุกชิปเมนท์ที่ขนส่งมายังท่าอากาศยานด้วยรถบรรทุกสำหรับสินค้าส่งออก และชิปเมนท์ที่ขนส่งมาทางเครื่องบินสำหรับสินค้านำเข้าอย่างดีที่สุด เราจะให้บริการเพื่อปกป้องสินค้าของลูกค้าจากสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง และปกป้องสินค้าจากความบกพร่องที่เกิดจากการปฏิบัติการของมนุษย์ด้วย หลังจากที่เรานำสินค้าเข้าไปถึงอาคารจัดการสินค้าแล้ว หน้าที่ของเราจะเปลี่ยนจากการปกป้องสินค้า เป็นการควบคุมรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสม ผ่านแนวทางการปฏิบัติการที่ดีที่สุดตามคำแนะนำของลูกค้า ผ่านบริการจัดการสินค้าแบบเต็มรูปแบบของเรา โดยนอกเหนือจากการให้บริการที่มีคุณภาพระดับสูงของเรา เรายังนำเสนอบริการในระดับกลาง และบริการเพิ่มมูลค่าอื่นๆ ตามความต้องการของลูกค้าด้วย”

สำหรับ Freshport Asia ความยืดหยุ่นถือเป็นค่านิยมหลักที่องค์กรยึดถือ และนั่นยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสินค้าที่บริษัทฯ ให้บริการมีทั้งสินค้าที่มีความอ่อนไหวต่อเวลาและอุณหภูมิสูงเป็นพิเศษ ดังนั้น ลูกค้าจึงมีทางเลือกที่จะเลือกใช้บริการที่ตรงกับรูปแบบซัพพลายเชนของตนที่สุด ซึ่งความยืดหยุ่นนี้ได้ช่วยให้บริษัทฯ สามารถขยายขอบข่ายการให้บริการได้มากยิ่งขึ้น โดย Mr. Reichert ได้กล่าวถึงบริการใหม่ของบริษัทฯ ที่กำลังจะเริ่มให้บริการสำหรับการส่งออกดอกไม้โดยเฉพาะว่า

“เราได้มีการนำเสนอบริการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยหนึ่งในบริการใหม่ของเราก็คือ Flowercare เนื่องจากเราพบว่าตลาดดอกไม้มีความต้องการด้านการรักษาอุณหภูมิในช่วงเวลาหลังการส่งมอบสินค้าและก่อนที่เครื่องบินจะออก อีกทั้ง ประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในแหล่งส่งออกดอกกล้วยไม้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ขณะที่ช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการจัดเก็บดอกกล้วยไม้จะอยู่ที่ 12 – 15 องศาเซลเซียส ซึ่งจากหลากหลายปัจจัยอาจทำให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องใช้บริการแบบเต็มรูปแบบ สิ่งที่เรานำเสนอจึงเป็นบริการทางเลือก เช่น การรับสินค้า แช่เย็น จัดเก็บ และคอยดูแลด้านการยกขนสินค้าทุกขั้นตอนให้เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งเป็นบริการที่ไม่แพงและเหมาะสำหรับผู้ค้าที่ไม่มีห้องเย็นเป็นของตนเอง เนื่องจากปัจจุบันผู้ค้าบางรายยังคงต้องพึ่งพารถบรรทุกที่ติดตั้งตู้เย็นคอยทำความเย็นให้กับสินค้า ซึ่งนั่นไม่ใช่วิธีที่ดี เนื่องจากลมเย็นไม่สามารถไหลเวียนเข้าไปในกล่องสินค้าได้ จึงทำให้ดอกไม้เหี่ยวเร็วขึ้นกว่าปกติ ดังนั้น เราจึงกล้าพูดได้ว่าบริการของเราเป็นบริการที่เรียบง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย และทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมการส่งออกกล้วยไม้”

นอกเหนือจากบริการที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า ที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการแล้ว Mr. Reichert ยังกล่าวอีกว่า ช่วงเวลาและฤดูกาลก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อปริมาณและรูปแบบการใช้บริการของลูกค้าด้วย ยกตัวอย่างเช่น การขนส่งสินค้าประเภทนี้ในช่วงหน้าหนาวจะทำได้ง่ายดายกว่า จึงทำให้มีปริมาณการเคลมสินค้าเสียหายของสายการบินน้อยกว่า ขณะที่ช่วงหน้าร้อนนั้นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้ ประเภทของเครื่องบินและประเภทเที่ยวบิน เช่น เที่ยวบินตรงหรือเที่ยวบินต่อเนื่อง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อกลยุทธ์ในการจัดการความเสี่ยงให้กับลูกค้าด้วย ดังนั้น เราจะเห็นว่าบางครั้งการพยายามมองหาเที่ยวบินที่ประหยัดต้นทุนก็อาจเป็นการเพิ่มภาระความเสี่ยงมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากเที่ยวบินเหล่านี้ต้องมีการแวะเปลี่ยนถ่ายลำในหลายจุด ซึ่งทำให้มี touch point มากขึ้น โดยเฉพาะเที่ยวบินที่ต้องจอดพักหรือถ่ายลำในประเทศที่มีอุณหภูมิสูงถึง 40 หรือ 50 องศาเซลเซียส ในช่วงหน้าร้อน ซึ่งทาง Freshport Asia เข้าใจถึงความกังวลเหล่านี้ของลูกค้าเป็นอย่างดี จึงช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกบริการต่างๆ ตามที่ลูกค้าต้องการเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่มีสำหรับสินค้าแต่ละชิปเมนท์

   

Innovative Tech

นอกเหนือจากบริการด้านโซลูชั่นการจัดการสินค้าที่มีความยืดหยุ่นแล้ว Freshport Asia ยังนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการปฏิบัติการ เช่น การลงทุนนำอุปกรณ์กล้องตรวจจับความร้อนด้วยรังสีอินฟราเรด (infrared thermal camera) เข้ามาใช้งาน แม้อุปกรณ์ใหม่นี้จะมีขนาดไม่ใหญ่นักแต่กลับมีประโยชน์การใช้งานสูงมาก ซึ่งอุปกรณ์ชิ้นนี้ไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะการปฏิบัติการภายในพื้นที่ free zone เท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ตรวจสอบสินค้าได้ตั้งต้นทางจนถึงปลายทางสุดท้ายของซัพพลายเชนการขนส่งสินค้าด้วย

Mr. Reichert กล่าวว่า “เราพยายามมองหาเทคโนโลยีอินฟราเรดเพื่อนำมาใช้ในการทำงานของเรามาโดยตลอด แต่ก็พบว่าเทคโนโลยีเหล่านี้มีต้นทุนสูง มีขนาดใหญ่ และใช้งานยาก อันที่จริงแล้วเทคโนโลยีนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งใหม่ เพราะนี่เป็นเทคโนโลยีที่นักดับเพลิงและวิศวกรไฟฟ้าใช้ในการตรวจจับความร้อนอยู่ก่อนแล้ว แต่ตอนนี้เราได้นำเข้ามาเป็นนวัตกรรมใหม่ในสายงานของเรา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราจะพบว่าเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆ ได้มีการย่อขนาดลงมาจนเราสามารถถือได้ด้วยมือเดียว ซึ่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราได้มีการลงทุนนำอุปกรณ์ใหม่นี้เข้ามาทดลองใช้หลายเครื่องและพบว่ามีประโยชน์ต่อการทำงานของเราเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ชี้อุปกรณ์นี้ไปที่เป้าหมายและกดถ่ายรูป ดังนั้น ไม่ว่าใครก็สามารถใช้อุปกรณ์นี้ได้ หลังจากที่เราได้ทดลองใช้งานในการปฏิบัติการภายในมาซักระยะหนึ่ง เราพบว่ากล้องตรวจจับความร้อนด้วยรังสีอินฟราเรดเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์สูงมาก และเราจะนำมาใช้ในการทำงานมากขึ้นในอนาคต เพื่อปรับปรุงและพัฒนาโซลูชั่นบริการของเราต่อไป”

การที่เราสามารถตรวจสอบจุดที่มีปัญหาด้านอุณหภูมินับเป็นข้อมูลที่สำคัญมากและยังทำให้เราสามารถจัดการกับปัญหานั้นๆ ได้ทันที อีกทั้งอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนด้วยรังสีอินฟราเรดยังมีสีและฟิลเตอร์ที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานทราบถึงสาเหตุและจุดที่เกิดปัญหาได้อย่างแม่นยำ แม้บริษัทฯ จะนำอุปกรณ์ชิ้นนี้มาใช้ในพื้นที่ free zone แต่แท้จริงแล้วเทคโนโลยีนี้กลับสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งซัพพลายเชน ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าสามารถนำไปใช้งานเพื่อวัดประสิทธิภาพการทำงานในโรงบรรจุ หรือวิเคราะห์ปัญหาในระหว่างการขนถ่ายรถบรรทุกได้ อีกทั้ง อุปกรณ์ชิ้นนี้ยังสามารถชี้ให้เห็นได้ว่าเมื่อแกะหีบห่อสินค้าหรือการจัดเก็บสินค้าโดยไม่มีการควบคุมอุณหภูมินั้น ทำให้อุณหภูมิของสินค้าลดลงไปรวดเร็วแค่ไหน

เราจะพบว่า Freshport Asia ได้ให้ความใส่ใจเกี่ยวกับการพัฒนาปรับปรุงการจัดการสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ ไม่เว้นแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดย Mr. Reichert กล่าวเสริมว่า “กว่าครึ่งของงานที่เราทำ ในฐานะที่ปรึกษาสำหรับการจัดการขนส่งสินค้าคือ เรามองหาแนวทางการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการลดต้นทุน และแน่นอนว่าเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการของเราต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เราไม่เพียงแต่มองหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ อย่าง กล้องตรวจจับความร้อนด้วยรังสีอินฟราเรด และอุปกรณ์บันทึกข้อมูลสินค้า เข้ามาใช้งานเท่านั้น แต่เรายังทุ่มเทในการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลออกมาได้อย่างถูกต้องและครอบคลุมมากที่สุด เพราะการขนส่งสินค้าประเภทของสดเสียง่ายทางอากาศเป็นเรื่องที่มาพร้อมกับปัจจัยเสี่ยงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่การเลือกใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้เรามองเห็นจุดที่มีความเสี่ยงในซัพพลายเชน ซึ่งจะทำให้เราสามารถรับมือและจัดการกับข้อบกพร่องเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ก่อนที่มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่”

   
ขอบคุณข่าวจาก : airfreight-logistics.com
 
Visitors: 627,590