หน้าใหม่

 
แหล่งที่มา : www.positioningmag.com วันที่โพสต์ :  1 ก.พ. 2561
       
เซ็นทรัลควงฮ่องกงแลนด์ คว้าที่ดินสถานทูตอังกฤษ 1.9 หมื่นล้าน
คาดทำมิกซ์ยูส 

รอคอยกันมาร่วม 1 ปี ในที่สุดก็ได้ “ผู้ชนะประมูลที่ดินสถานทูตอังกฤษ” เนื้อที่ 25 ไร่ บนถนนวิทยุอย่างเป็นทางการ  

โดยกระทรวงการต่างประเทศ สหราชอาณาจักร ได้แจ้งถึงขายที่ดินดังกล่าวให้กับ “ฮ่องกงแลนด์” และ “กลุ่มเซ็นทรัล” ร่วมทุนกันคว้าประมูลไปในราคาตารางวาละ 2 ล้านบาท รวม 420 ล้านปอนด์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 19,000 ล้านบาท ส่งผลให้ที่ดินแปลงดังกล่าวติดทำเนียบการ “ทุบสถิติ” ราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทย

สำหรับการได้ที่ดินแปลงใหญ่ 25 ไร่ กลุ่มเซ็นทรัล คาดว่า พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการเซ็นทรัลเอ็มบาสซี และการได้พันธมิตรอย่างฮ่องกงแลนด์ จะซีนเนอร์ยีธุรกิจอสังหาฯ ให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการมีอาคารสำนักงานในพื้นที่ดังกล่าว จะช่วยเพิ่ม Traffic หรือประชากรได้มากขึ้น ส่งผลดีกับเซ็นทรัลเอมบาสซีได้ด้วย

ฮ่องกงแลนด์ ถือเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของฮ่องกง และเป็นบริษัทในเครือของจาร์ดีน แมธทีสัน กรุ๊ป ซึ่ง มีโครงการอสังหาฯประเภทอาคารสำนักงาน โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ค้าปลีก อยู่ทั่วทั้งเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปินส์ กัมพูชา เป็นต้น

“ที่ดินแปลงขนาดใหญ่ จะทำอสังหาฯ ประเภทเดียว เช่น คอนโดมิเนียม ก็ต้องเป็นโครงการหรูเป็น 10 ตึก ราคาขายต้องไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.)ทุกห้อง คงไม่ไหว การทำโครงการมิกซ์ยูส และมีฮ่องกงแลนด์มาร่วมทุนก็จะช่วยยกระดับศูนย์การค้าแอมบาสซีได้ยิ่งขึ้น” สุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ ให้มุมมอง

ทั้งนี้ ที่ดินดังกล่าว มีการเปิดประมูลเมื่อปี 2559 โดยมี บริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เป็นบริษัทที่ดำเนินการจัดประมูล และมีผลผู้ชนะตั้งแต่ต้นปี 2560

+++ 5 ปี ราคาที่ดินพุ่งแรง 20-25%

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การซื้อขายที่ดินทำเลทองย่านใจกลางธุรกิจ (Central Business District : CBD) เช่น สาทร สีลม ราชดำริ เพลินจิต ชิดลม หลังสวน และสุขุมวิทถึงอโศก ราคามีการปรับตัวขึ้นสูงมาก และมีการทุบสถิติการซื้อขายกันอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะ “ที่ดินแปลงงาม” หายากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผู้พัฒนาอสังหาฯ ยังมีความต้องการเพื่อนำมาพัฒนาโปรเจกต์ที่อยู่อาศัยหรูๆ เมื่อ “ซัพพลาย” น้อยลงๆ แต่ “ดีมานด์” ยังคงมีอยู่สูง กลไกการตลาดเลยทำใหราคาขยับแรง โดยเฉพาะช่วง 5 ปีมานี้ พุ่งขึ้นเฉลี่ยปีละ 20-25% เมื่อเทียบกับอดีตขึ้นเพียง 10-15%

แนวโน้มราคาที่ดินยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะตราบใดที่ตลาดยังมีความต้องการ แต่ที่ดินทำเลทองติดถนนเหลือน้อย และเริ่มขยับเข้าไปตามตรอก ซอกซอยมากขึ้น และส่วนใหญ่ยังอยู่บนถนนสุขุมวิท ไล่ไปถึงพร้อมพงษ์ ทองหล่อ และเป็นบ้านที่อยู่อาศัย ส่วนราคาจะพุ่งไปไกลแค่ไหน คงไม่มีใครประเมินได้ เพราะขึ้นอยู่กับว่าบรรดาดีเวลลอปเปอร์ ซื้อที่ไปพัฒนาโปรเจกต์แล้วขายออกหรือเปล่า ถ้ายังขายออก ราคาที่ดินก็วิ่งต่อไป

“ราคาที่ดินย่านชิดลมมีการปรับตัวขึ้นสูงที่สุด ส่วนแนวโน้มราคาในอนาคต ขึ้นกับว่าดีเวลลอปเปอร์ทำโครงการแพงแล้วยังมีผู้บริโภคซื้อไหม ถ้ามี ผู้ประกอบการก็ยังทำของแพงขาย แต่หลังๆ ตลาดอสังหาฯ ลักชัวรี่ขายช้าลง เพราะคนไทยที่มีกำลังซื้อได้ก็ไม่เยอะ ต้องขายต่างชาติมากขึ้น พอคนซื้อน้อยลง ก็เลยทำให้ราคาที่ดินเริ่มตันๆ อยู่ที่ 2 ล้านบาทต้นๆ ต่อตารางวามาสัก 2 ปีแล้ว” สุรเชษ บอก

+++ดีเวลลอปเปอร์ทุบสถิติซื้อที่แพง
เมื่อมีดีเวลลอปเปอร์ “ชิงดำ” ทำเลทอง เลยทำให้ราคาขายขยับขึ้น สุดท้ายก็ไปจบที่ราคาแพงเว่อร์และ “ทุบสถิติ” เป็นว่าเล่น ส่วนใครซื้อแปลงไหน Positioning รวบรวมไว้ดังนี้

ราคาที่ดินทำเลทอง
- เอสซี แอสเสท ซื้อที่ดินย่านหลังสวน ติดโรงเรียนมาแตร์เดอี ราคา 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา
- เซ็นทรัล+ฮ่องกงแลนด์ ซื้อที่ดินสถานทูตอังกฤษ ราคา 2 ล้านบาทต่อตารางวา
- เอสซี แอสเสท ซื้อที่ดินติดถนนชิดลม ราคา 1.9 ล้านบาทต่อตารางวา
- ควอลิตี้เฮ้าส์ ซื้อที่ดินติดบีทีเอสนานา ราคา 1.8 ล้านบาทต่อตารางวา
- กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ซื้อที่ดินโครงการปาร์คนายเลิศ 1.8 ล้านบาทต่อตารางวา
- สิงห์ ซื้อที่ดินติดบีทีเอสทองหล่อ ราคา 1.75 ล้านบาทต่อตารางวา

   
ขอบคุณข่าวจาก : positioningmag.com
 

 

Visitors: 620,920